นายกสมาคมนักข่าวฯ นำคณะสื่อมวลชนไทย 25 คนเยือนนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ศึกษาดูงานด้านสื่อมวลชน รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนยุคใหม่ และความร่วมมือระหว่างจีนกับไทยในสาขาต่างๆ
วันนี้ (29 ก.ค.) เว็บไซต์สำนักงานการต่างประเทศมณฑลยูนนาน (YEAO) สาธารณรัฐประชาชนจีน รายงานว่า คณะสื่อมวลชนในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยหัวหน้ากองบรรณาธิการ บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวที่มีชื่อเสียง ทั้งจากสถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ และสำนักข่าวอื่นๆ รวม 25 คน นำโดย นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เดินทางไปยังมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ค.ที่ผ่านมา
หนึ่งในคณะผู้แทนสื่อมวลชนไทยกล่าวว่า แม้การเดินทางจะมีระยะเวลาอันสั้น แต่กำหนดการก็อัดแน่นไปด้วยการพูดคุยและสัมภาษณ์นอกสถานที่ ทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของมณฑลยูนนานในยุคใหม่ และความร่วมมือระหว่างมณฑลยูนนาน กับประเทศไทยในสาขาต่างๆ ซึ่งการสัมภาษณ์ประสบความสำเร็จด้วยดี และขอขอบคุณสำนักงานการต่างประเทศมณฑลยูนนาน ที่เตรียมการเป็นอย่างดีและการต้อนรับอย่างอบอุ่น
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ก.ค. นายหม่า โจ้วซิน (Mr. Ma Zuoxin) รองผู้อำนวยการทั่วไป สำนักงานการต่างประเทศมณฑลยูนนาน เป็นประธานการประชุมแลกเปลี่ยน ร่วมกับหัวหน้าแผนกและหน่วยงานต่างๆ เช่น คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปมณฑลยูนนาน, สำนักงานข้อมูลข่าวสารมณฑลยูนนาน, สำนักงานการฟื้นฟูชนบทมณฑลยูนนาน, สถานีวิทยุและโทรทัศน์มณฑลยูนนาน และกลุ่มยูนนานเดลี โดยได้แนะนำการพัฒนาเศรษฐกิจของมณฑลยูนนานอย่างเป็นระบบ การพัฒนาสังคม การเชื่อมโยงที่มีประสิทธิภาพ ระหว่างการแก้ปัญหาความยากจนกับการฟื้นฟูชนบทอย่างเป็นระบบ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความร่วมมือด้านสื่อระหว่างยูนนานกับไทย เป็นต้น
นายหม่าตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรของรถไฟจีน-ลาว การก่อสร้างทางรถไฟและทางหลวงเชื่อมระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทย ผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของมณฑลยูนนาน มุมมองและโอกาสต่อความร่วมมือระหว่างมณฑลยูนนานกับประเทศไทย เขากล่าวว่า จีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน ยูนนานและไทยมีแม่น้ำสายเดียวกัน (แม่น้ำโขง) สื่อเป็นสะพานและนำส่งเรื่องราวที่สำคัญที่สุดเชื่อมระหว่างกันทั้งสองฝั่ง คาดหวังว่าจากรายงานของสื่อมวลชนไทยจะทำให้คนไทยชื่นชอบมณฑลยูนนาน และรู้จักประเทศจีนมากขึ้น
นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยและแลกเปลี่ยนเชิงปฏิบัติในเชิงลึก สื่อมวลชนไทยได้เรียนรู้ข้อมูลสำคัญมากมายเกี่ยวกับการกระชับความร่วมมือที่ลึกซึ้งระหว่างไทยกับมณฑลยูนนาน ซึ่งหวังว่าจะใช้โอกาสนี้ในการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือต่อไป
คณะสื่อมวลชนไทยยังเข้าเยี่ยมชม วิทยาลัยการอาชีวศึกษาและเทคนิครถไฟคุนหมิง (KRVTC) โดยได้เยี่ยมชมฐานการฝึกอบรมของวิทยาลัย เช่น ห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟจำลอง รถไฟฟู่ซิงอีเอ็มยู (Fuxing EMU) และเครื่องจำลองการขับรถไฟ (Simulator) โดย น.ส.วรลักษณ์ อโนทัยสินทวี จากฝ่ายข่าวออนไลน์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เอชดี กล่าวว่า การได้มาเห็นเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงด้วยตนเอง ทำให้เห็นว่าโครงการรถไฟจีน-ลาวไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่องทางการขนส่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางแห่งมิตรภาพอีกด้วย คาดหวังโครงการทางรถไฟระหว่างประเทศจีนกับไทยจะแล้วเสร็จและเปิดให้สัญจรโดยเร็ว
ที่ศูนย์สินค้ากล่อง สถานีหวังเจียหยิงตะวันตก (Wangjiaying West Container Center) นครคุนหมิง คณะสื่อมวลชนไทยยังได้เรียนรู้รายละเอียดเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของสถานีต้นทางในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของรถไฟจีน-ลาว การกระจายสินค้าและขนส่งสินค้าข้ามแดน ซึ่งพบว่าทุเรียน มังคุด และผลไม้สดจากประเทศไทย ใช้เวลาเพียง 36 ชั่วโมงในการขนส่งผ่านตู้คอนเทนเนอร์แบบเย็น บนทางรถไฟจีน-ลาว จากต้นทางของผลไม้ไทยถึงมือผู้บริโภคในนครคุนหมิง
คณะสื่อมวลชนไทยยังได้สัมผัสถึงความหลากหลายทางชีวภาพของมณฑลยูนนาน และการสร้างอารยธรรมทางนิเวศวิทยาในฟูลีพาเลซ (Fuli Palace) อาคารเรือนกระจกภายในสถาบันพฤกษศาสตร์คุนหมิง สถาบันวิทยาศาสตร์จีน และสัมผัสได้ถึงสายพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์และภูมิทัศน์ทางนิเวศวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "อาณาจักรพืช" (Plants Kingdom) ในระหว่างการเยี่ยมชมนานกว่า 1 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวต่างตื่นตาตื่นใจกับโลกของพืชมหัศจรรย์ตลอดทาง และชื่นชมการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของมณฑลยูนนาน
อีกด้านหนึ่ง ที่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ในเขตจินหนิง (Jinning) คณะสื่อมวลชนได้ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งยึดมั่นที่จะให้ความสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยา การปรับมาตรการให้เข้ากับสภาพท้องถิ่น การพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจส่วนรวมระดับหมู่บ้าน ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม และตระหนักถึง "การเปลี่ยนแปลงของผีเสื้อ" จากหมู่บ้านชาวประมงที่รกร้างสู่ชนบทที่สวยงาม ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของชาวบ้านเพื่อสอบถามอย่างละเอียดเกี่ยวกับการปรับปรุงรายได้ทางเศรษฐกิจและสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว ชื่นชมการปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จของหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้
น.ส.สายชล เกียรติกังวานไกล จากสำนักวิทยุ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การพัฒนาการท่องเที่ยวในชนบท ในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ การปกป้องระบบนิเวศ ความสวยงามของหมู่บ้าน และความเจริญรุ่งเรืองของชาวบ้าน เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ในประเทศไทย
คณะสื่อมวลชนยังได้เยี่ยมชมตลาดดอกไม้โต่วหนาน (Dounan Flower Market) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายดอกไม้สดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ระหว่างการเยี่ยมชมได้เห็นความเป็น "เมืองหลวงแห่งดอกไม้โลก" ที่แท้จริง และสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับประเภทของดอกไม้ ปริมาณการทำธุรกรรม และรายละเอียดอื่นๆ ของการประมูลดอกไม้ทางอิเล็กทรอนิกส์ และสัมผัสถึง "เศรษฐกิจที่สวยงาม" ที่กำลังไปทั่วโลกและเบ่งบานเต็มที่
ในระหว่างการเยี่ยมชมสำนักงานกลุ่มยูนนานเดลี (Yunnan Daily) คณะสื่อมวลชนยังได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของยูนนานเดลี รับฟังการแนะนำประวัติการก่อตั้งและพัฒนาตลอดระยะเวลา 72 ปีที่ผ่านมา แลกเปลี่ยนข้อมูลและพูดคุยกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อเรียนรู้งานด้านการสื่อสารระดับนานาชาติในเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือด้านสื่อระหว่างมณฑลยูนนานกับประเทศไทยที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงความท้าทายที่หนังสือพิมพ์ต้องเผชิญในยุคอินเทอร์เน็ต การบูรณาการและพัฒนาสื่อในยุคนี้ทั้งหมด
นายกุลธน เลาหทวีโชค จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กล่าวว่า หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และยูนนานเดลีต่างมีประวัติการพัฒนาที่คล้ายคลึงกัน และขณะนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การบูรณาการสื่อทั้งหมด หน้าที่หลักของสื่อคือการให้บริการข่าวสารแก่ประชาชน และหวังว่าจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับสื่อในมณฑลยูนนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมีส่วนร่วมเชิงบวกในการเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ