xs
xsm
sm
md
lg

“สมยศ”ไม่อาย! พร้อมเผาบ้านตัวเอง จับสมาคมบอล-ทีมชาติไทยเป็นตัวประกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ซัด “บิ๊กอ๊อด” เผาบ้านตัวเอง ประกาศลาออกจากนายกสมาคมฟุตบอลฯ อ้างทำตามคำสั่ง “บิ๊กป้อม” หวังให้ฟีฟ่าแบนประเทศไทย แก้แค้น “พล.อ.ประวิตร” ที่ประจานผลงานกลางที่ประชุม แนะย้อนมองตัวเอง ทำวงการฟุตบอลไทยสาละวันเตี้ยลง พลาดเหรียญทองซีเกมส์ 3 ครั้งซ้อน ค่าลิขสิทธิไทยลีกลดฮวบจากปีละ 1 พันกว่าล้านเหลือ 50 ล้าน จนแฟนบอลเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์อยากให้ลาออกไปนานแล้ว



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 โดยในแถลงการณ์ พล.ต.อ.สมยศ พูดชัดว่าปฏิบัติตามคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ


ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาการบริหารงานของนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่เป็นเหตุให้ผลงานการแข่งขันฟุตบอลย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ฟอร์มที่ตกต่ำส่งผลให้ เมื่อปีที่แล้ว ในวันที่ 10 ตุลาคม 2565 พล.อ. ประวิตร เคยพูดไว้ว่า “ฟุตบอลนี่แพ้ไม่ได้นะครับ ซีเกมส์เนี่ย แพ้ก็ต้องเอานายกสมาคมออก ต้องได้แชมป์นะครับ ผมฝากไว้เลย”


พอการแข่งขันมาถึงจริงๆ ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ณ ประเทศกัมพูชา ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชายทีมชาติไทยแพ้ให้กับทีมชาติอินโดนีเซียไป 5-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ คว้าได้เพียงเหรียญเงิน

ยิ่งกว่านั้น ระหว่างเกมยังเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อนักฟุตบอลและสตาฟโค้ชของไทย ไปก่อเรื่อง ทะเลาะวิวาทในจังหวะที่อินโดนีเซียยิงขึ้นนำ 3-2 กลายเป็นอีกเหตุการณ์อัปยศที่ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของฟุตบอลไทยอย่างรุนแรง


วันศุกร์ที่แล้ว 30 มิถุนายน 2566 ในการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญ ประจำปี 2565 คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร จึงเอ่ยปากออกมาว่า ไม่อยากให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียงด้วยสมาคมสมาคมเดียว ที่ทำให้สมาคมอื่นๆ เขาตั้งใจทำงานเสียหายไปด้วย จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะฉะนั้นนายกสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งก็คือ พล.ต.อ.สมยศ จะต้องลาออก


การประกาศลาออกของ พล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคมฟุตบอลฯ ในวันถัดมาคือ วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม ได้เน้นย้ำว่า “ทำตามคำสั่ง” ทำให้เป็นที่สงสัยว่านี่จะเป็นการเดินเกมของ พล.ต.อ.สมยศ เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าการเมืองแทรกแซงกีฬา จึงถูกบีบให้ออกโดยไม่เต็มใจ ซึ่งมีโอกาสจะถูกฟีฟ่าแบน เพราะอาจถูกตีความว่าเข้าข่ายแทรกแซงจากการเมือง หรือ บุคคลที่ 3 ตาม "ธรรมนูญฟีฟ่า" ข้อที่ 19 ที่ว่าด้วยเรื่องความเป็นอิสระของสมาคมฟุตบอลและคณะกรรมการผู้บริหาร หรือไม่

จากนั้น พล.ต.อ สมยศ ก็ออกมาให้ข่าวตามทันทีว่า การลาออกของตัวเอง สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ), สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) และ ฟีฟ่า ต่างให้ความสนใจ และมีการสอบถามข้อมูลถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย เหมือนกับ พล.ต.อ.สมยศ รีบออกมาฟ้องสังคมกลาย ๆ ว่าถูกการเมืองบีบให้ออก


“ความจริงเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าคุณสมยศ เองก็พูดถูก พล.อ.ประวิตร ก็พูดถูก พล.อ.ประวิตร ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ที่ดูแลสมาคมฟุตบอลนั้น เป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมา โผงผาง ก็ในทำนองว่าปีหน้าต้องเอาแชมป์อาเซียนมาให้ได้นะ เพื่อแก้ตัวในการทำงานสมาคมฟุตบอล แต่พอเอามาไม่ได้ พล.อ.ประวิตร ก็พูดตรงๆ เลยว่า เอ๊ย สมยศ ลาออกเถอะ ส่วนสมยศ ก็มีการพูดจานอกรอบ บอกว่าเรื่องแค่นี้ถ้าพูดกับผมดีๆ เงียบๆ ตัวต่อตัว ผมก็ยอมลาออก แต่ทำไมมาฉีกหน้าผมในที่สาธารณะ”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า แต่จริงๆ แล้วสมาคมฟุตบอลไทยนั้น ทำงานเละเทะมานานแล้ว ตั้งแต่ พล.ต.อ.สมยศ ขึ้นมาเป็นนายกสมาคม น่าผิดหวังมาก ซีเกมส์คราวที่แล้วพลาดเหรียญทอง ทำลายชื่อเสียงประเทศไทยด้วยการชกต่อย ซึ่งจริงๆ แล้ว โดยหลักการแล้ว ถ้า พล.ต.อ.สมยศ มียางอาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีการชกต่อยกะน พล.ต.อ.สมยศน่าจะลาออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะว่าตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมฟุตบอลไทย แล้วก็ดูแลทีมฟุตบอลทีมชาติ และทุกๆ ทีมที่ไปแข่งนอกประเทศ โดยมารยาทแล้ว ถ้ามีความละอายแก่ใจ มีหิริโอตัปปะ ต้องลาออกแล้ว

สอดคล้องกับความคิดเห็นของ "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี อดีตฟีฟ่าเมมเบอร์ และอดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม 2566 ว่าจริง ๆ ในที่ประชุม เมื่อวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน ไม่มีวาระเรื่องนายกสมาคมฟุตบอล เพียงแต่มีการวิจารณ์ถึงผลงานฟุตบอลไทยในซีเกมส์ขึ้นมา พล.อ.ประวิตรก็เลยแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น และจริงๆ แล้วผู้นำขององค์กรฟุตบอลควรที่จะพิจารณาตนเอง ว่าควรจะลาออกไป ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา เพราะคนทั้งประเทศก็พูดกันถึงเรื่องนี้ด้วยความหดหู่ใจ

นายวรวีร์ มะกูดี
“ถ้าขอลาออกด้วยความรับผิดชอบทุกอย่างมันก็จบแล้ว แต่ถ้าจะไปบอก ฟีฟ่า เอเอฟซี คุณมี Agenda อะไรหรือเปล่า?" นายวรวีร์ถามกลับ พล.ต.อ.สมยศ

วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.สมยศ ก็ยังลีลา ให้สัมภาษณ์ว่าลาออกแน่ แต่มีเหตุผลโน่นนี่ที่ยังไม่ออก และ “ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี” ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ยังไม่เซ็นใบลาออกให้ แถมย้ำว่า ตัวเองได้เจอกับเมมเบอร์ฟีฟ่าแล้วคนหนึ่ง เขาบอกว่า “เป็นการแทรกแซงล้านเปอร์เซนต์!!” ส่วนคนที่มาบอกว่าไม่ใช่การแทรกแซงนั้นเคงเป็นพวกไดโนเสาร์พันปี

นั่นไง พล.ต.อ.สมยศ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ว่าคิดอะไรอยู่

ความจริง เรื่องการตัดสินผลงาน และฝีมือของ พล.ต.อ.สมยศ ในการบริหารฟุตบอลของชาติ เป็นอย่างไรนั้น เป็นมติเอกฉันท์ของแฟนฟุตบอลมานานแล้ว เพียงแต่ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานโอลิมปิคไทย มาสะกิดซ้ำให้พิจารณาตัวเองเท่านั้น

การออกมาพูดของ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานโอลิมปิก อาจจะเป็นแค่เสียงเดียว ที่ พล.ต.อ.สมยศ อ้างว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่ พล.ต.อ.สมยศ ลองไปฟังเสียงคนฟุตบอลไทยเกือบทั้งประเทศดูให้ชัดๆ ว่าเขาอยากให้คุณอยู่ต่อหรือไม่ การลากฟีฟ่าเข้ามายุ่งกับเรื่องขอลาออก ก็ไม่ต่างจากการจับทีมชาติเป็นตัวประกัน เรียกว่า “ถ้ากูอยู่ไม่ได้ ฟุตบอลไทยก็อยู่ไม่ได้” แบบนี้ไม่ใช่คนที่เคยบอกว่าอยากพัฒนาฟุตบอลไทยด้วยใจจริง


นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างความคิดเห็นบางส่วน จาก 1,500 กว่าความเห็นของแฟนบอลที่คอมเมนต์ใต้โพสต์ประกาศลาออกของ พล.ต.อ.สมยศ ในเพจ FIFA Thailand ที่ออกมาแทบจะในทิศทางเดียวกัน เช่นว่า
  • ควรออกตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ให้ใครต้องมาพูด !!
  • เราเป็นคนก็ต้องมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่ารอให้เขาไล่อีกรอบเลย แล้วก็อย่าเอาบอลไทยเป็นตัวประกัน ทำให้โดนต่างชาติแบนด้วย จากไปด้วยดี ทำคุณประโยชน์ อาจจะมีคนสรรเสริญเป็นครั้งสุดท้าย
  • เย้ๆๆๆๆ 🥳🥳🥳🥳
  • ถือเป็นข่าวดีของวัน
  • ต้องให้พูดถึงออก...หน้าเค้าทนจริง
  • กว่าจะไปได้
  • หาทางลงได้อย่างสง่างามแล้ว
  • ขอบคุณลุงป้อมครับทำให้วงการบอลไทยเจริญขึ้น👍👍👍👍
  • ต้องให้ ผบ.ออกปากถึงจะรู้สึกว่าไม่ควรอยู่ต่อ
  • ถ้าทำได้ถือว่าสปิริตเยี่ยมครับ
  • เย้ เมืองไทยจะได้ดี ขึ้นมากๆ ขอบคุณลุงป้อมครับ
นี่แค่ส่วนหนึ่ง

“คุณไม่รู้หรอกว่าชีวิตคุณตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว คุณได้สร้างวีรกรรมมาเยอะแยะไปหมดเลย หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคดีบอส อยู่วิทยา โน่นนี่นั่น ซึ่งผมเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว” นายสนธิกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแฟนๆ บอลไทยต้องดีใจเก้อ เพราะล่าสุดในการประชุมสภากรรมการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ ยับยั้งการลาออกของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เเละให้ทำหน้าที่ไปจนครบวาระในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีเหตุผลที่จะไม่ให้ไทยต้องเสี่ยงกับการโดนฟีฟ่าลงดาบ ซึ่งจะถูกห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเเข่งขันระดับนานานชาติทั้งหมด รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ของฟีฟ่า

“ประเด็นครับ ในวันลงมติมีคนในที่ประชุมกระซิบผมมาว่า ก่อนลงมติบอร์ดสภากรรมการ วงแตก หลายคนวอล์กเอาต์ ขอลาออก รับไม่ได้ที่มีคนชงมติไว้ให้คุณสมยศอยู่ต่อ คนที่อยากชงให้อยู่ต่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ก็พี่นวยของผมนั่นเอง อดีตบิ๊กตำรวจด้วยกัน คือ "นวยนิ่ม" พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน พี่นวยของผมนี่ชีวิตก็นิ่มมาตลอด ไม่เคยประสบผลสำเร็จอะไรอีกเลยแม้แต่เรื่องเดียว อยู่กับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็ลาออกมาด้วยความน้อยอกน้อยใจ สรุปแล้วก็มาเข้าแก๊งเดียวกับสมยศ ก็ไปด้วยกันได้ดีเหมือนผีกับโลง” นายสนธิกล่าว

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน
“สาละวันเตี้ยลง” เส้นทางบริหารสมาคมฟุตบอลไทย ในมือ “สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง”

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นเจ้าของวลีเด็ด “อาชีพตำรวจนี่ถือว่าเป็นไซด์ไลน์ อาชีพหลักๆ ผมคือทำธุรกิจ”

พล.ต.อ.สมยศ เกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2558 จากนั้นมาเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คนที่ 17 ตั้งแต่ปี 2559 และได้รับการต่ออายุในสมัยที่ 2 ในปี 2563

ในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกสโมสรฯ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถูกแฟนฟุตบอลไทยตั้งคำถามถึงการทำงานอยู่หลายครั้ง
  • เหตุการณ์ที่ทำให้ พล.ต.อ.สมยศ ถูกด่ามากที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็คือในปี 2560 ที่เจ้าตัวออกมาวิจารณ์ผลงานของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ที่คุมทีมล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2561 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย โดยพ่ายแพ้ให้กับญี่ปุ่น 0-4 ซึ่งเวลานั้น "บิ๊กอ๊อด" มาพร้อมกับวลีที่ว่า "ใครไม่อาย ผมอาย" จนปัจจุบันประโยคนี้ถูกหยิบนำมาล้อกันไม่เลิก



  • หรือประเด็นที่เคยมีข่าวว่าไปยืมเงิน "เสี่ยกัมพล วิระเทพสุภรณ์" เจ้าพ่ออาบอบนวด ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ถึง 4 ครั้ง จนกลายเป็นข่าวฉาวในช่วงนั้น โดย "บิ๊กอ๊อด" ระบุว่าตลอดชีวิตรับราชการของเขาเกือบจะเรียกได้ว่าอาชีพตำรวจถือว่าเป็น "ไซด์ไลน์" แต่หลักๆ แล้วเขาทำธุรกิจโดยเฉพาะเรื่องหุ้น


พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และนายกัมพล วิระเทพสุภรณ์
  • พฤศจิกายน 2564 กฤษฎีกาตีความ ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเงินเดือนในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลโดยมิชอบเพราะตำแหน่งดังกล่าว รวมถึงกรรมการสมาคมฟุตบอล เป็นงานอาสา งานเสียสละ ไม่ใช่งานของลูกจ้าง จึงไม่สามารถรับเงินตอบแทนได้แม้แต่บาทเดียว แต่ พล.ต.อ.สมยศ และกรรมการสมาคมต่างมีเงินเดือนประจำ โดย พล.ต.อ.สมยศ ได้รับเงินเดือนถึง 45,000 บาทและคนที่อนุมัติจ่ายเงินเดือนให้ พล.ต.อ.สมยศ ก็ไม่ใช่ใคร เป็นตัว พล.ต.อ.สมยศเอง ซึ่งพอเป็นข่าว พล.ต.อ.สมยศได้รีบออกมาชี้แจงว่า รับเงินเดือนจริง แต่ก็บริจาคกลับให้สมาคมฯ เป็นที่เรียบร้อย


หลายฝ่ายก็มองว่าตั้งแต่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้ามาบริหารสมาคมฯ ผลงานของทีมชาติไทยในช่วงหลังก็สาละวันเตี้ยลงๆ โดยเฉพาะในซีเกมส์ที่ ไทยชวดเหรียญทองมาแล้ว 3 สมัยติดต่อกัน

ส่วนเรื่องสิทธิ์ดูแลผลประโยชน์ให้สมาคมฟุตบอลฯ ที่ “บริษัทหนึ่ง” ชนะการประมูลจนได้เข้ามาดูแล นั้น บริษัทดังกล่าวถือเป็นธุรกิจ "ลูกรัก" ของ "บิ๊กอ๊อด" ที่เขาอุ้มชูปลุกปั้นมาตั้งแต่สมัยเป็นตำรวจ หลายฝ่ายจึงมองว่าการประมูลในครั้งนี้มีการเอื้อประโยชน์แก่กัน

ย้อนกลับไปในปี 2563 ได้บริษัท เซนส์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่แทบไม่มีประสบการณ์การทำคอนเทนต์เกี่ยวกับกีฬามาก่อน แต่ดันชนะการประมูลถือครองลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีก 8 ปี มูลค่า 12,000 ล้านบาท ตกปีละ 1,500 ล้านบาท แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะบริหารขาดทุนแบบบ่อยยับ จนต้องเปลี่ยนผู้ถือครองมาเป็น"เอไอเอส"ทำให้มูลค่าลิขสิทธิ์ตกมาเกือบ 4 เท่า เหลือปีละ 400 ล้านบาท

ตัดภาพมายังปัจจุบัน มีเรื่องดรามาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยที่มีข่าวว่ามูลค่าลดฮวบจาก 1 พันล้านบาท เหลือ 50 ล้านบาท

หากย้อนอดีตไป ลิขสิทธิ์บอลไทย เคยมีรายได้อู้ฟู่ โดยที่กระฉูดสุด ๆ คือ ช่วงปี 2560-2563 ที่ ทรูวิชั่นส์ ประมูลด้วยค่าลิขสิทธิ์ 4,200 ล้านบาท แบ่งเป็น
ปี 2560 จำนวน 900 ล้านบาท
ปี 2561 จำนวน 1,000 ล้านบาท
ปี 2562 จำนวน 1,100 ล้านบาท
และ ปี 2563 จำนวน 1,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2563 มีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ ทรูวิชั่นส์ ไม่ได้จ่ายเต็มจำนวน

จากนั้นใน ฤดูกาล 2564-2565 ค่าลิขสิทธิ์จาก AIS ก็ลดลงเหลือ 800 ล้านบาท

ต่อด้วย ฤดูกาลที่ผ่านมา 2565-2566 มีรายงานว่าเหลือแค่ราวๆ 300 ล้านบาท


กระทั่งฤดูกาลล่าสุด มีรายงานว่าเหลือผู้ยื่นประมูลในราคาถูกเหลือเชื่อ 50 ล้านบาทต่อ 1 ฤดูกาล ในการซื้อลิขสิทธิ์ไทยลีก ซึ่งว่ากันว่าเหตุผลก็คือมีผู้เข้าประมูลเพียงไม่กี่ราย ซึ่งทั้งหมดได้เตี๊ยมกันหมดแล้ว โดยกีดกันไม่ให้ผู้ที่สนใจรายอื่น ๆ เข้าร่วมประมูลด้วย

ในที่สุดรายได้ไม่ได้ตามเป้าหมาย บรรดาสโมสรฟุตบอลรับไม่ได้ เพราะโดยปกติค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลจะต้องนำมากระจายให้สโมสรต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาสโมสรเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันนั้น ที่ผ่านมาก็มีเสียงร่ำร้องมาว่า "จ่ายช้า จ่ายน้อย จ่ายไม่ครบ" อยู่แล้ว ถ้าหากว่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยเหลือแค่ 50 ล้านบาท สโมสรก็คงอยู่ไม่ได้

ยกตัวอย่างแค่ค่าจ้าง เจ ชนาธิป สงกระสินธ์ นักฟุตบอลเบอร์หนึ่งของไทย ที่ย้ายจากเจลีก กลับมาเล่นให้ สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ดก็มีค่าจ้างคนเดียวตกเดือนละ 2 ล้านบาทแล้ว


“คุณสมยศครับ จากผลงานทั้งหมดทั้งมวลที่ผ่านมาในฐานะนายกสมาคมฟุตบอล ผมอาจจะขอยืมวลีเด็ดของคุณมาปรับใช้บ้างนะ คุณสมยศ ว่า "คุณไม่อาย แต่ผมอาย"

“มิหนำซ้ำแล้ว วีรกรรมเก่าๆ ของคุณในคดี บอส อยู่วิทยา ที่ผมเคยเอามาออกอากาศ ที่คุณบอกว่าคุณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้เจอท่านผู้บัญชาการกองพิสูจน์หลักฐานในวันนั้น แต่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน กล้องวงจรปิด ว่าคุณอยู่ คุณได้เจอ และคุณก็ได้โกหก



“คุณสมยศครับ เมื่อไรคุณจะหยุดโกหกเสียที และเมื่อไรคุณจะรู้สึกอับอายขายหน้าเสียที เมื่อไรคุณจะเป็นเกียรติตำรวจของไทย เกียรติวินัยกล้าหาญ ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ควรจะพูดคำนี้ออกมา เพราะคุณถือว่าอาชีพตำรวจคืออาชีพไซด์ไลน์

“จริงๆ แล้ว คุณสมยศ คุณน่าจะไปอยู่พรรคก้าวไกล เหมาะสมกันด้วยประการทั้งปวง โหกพกลมมาตลอด หลายเรื่อง เพียงเพื่อต้องการให้ตัวเองเข้าอำนาจ สูตรเดียวกับพรรคก้าวไกลเป๊ะเลย คุณสมยศ อย่า ... อย่าช้า รีบไปยื่นขอเข้าเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเถอะครับ”
นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น