หลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ มีการโพสต์เฟซบุ๊กรูปถุงเงินปึกใหญ่ ในถุงกระดาษ 2 ใบ ซึ่งเชื่อมโยงกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก่อนที่ในเวลาต่อมาทางด้านของนายชูวิทย์จะโพสต์เฟซบุ๊กอ้างว่าเป็นเงินของ ”สารวัตรซัว” ที่นำมาให้เพื่อให้หยุดแฉ แต่ตนได้นำไปบริจาคหมดแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อย้อนกลับไปจะพบว่าทางด้านของนายชูวิทย์ได้มีการบริจาคเงินและปรากฏเป็นข่าวสองครั้งด้วยกัน คือหนึ่ง ในวันที่ 14 ก.พ. 66 จำนวน 3 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงห้องปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จากนั้นในวันที่ 15 มี.ค. เจ้าตัวได้มีการนำเงินจำนวน 3 ล้านบาทไปบริจาคให้แก่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ในช่วงค่ำที่ผ่านมา โรงพยาบาลศิริราชได้ส่งหนังสือเชิญแถลงข่าว โดย ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เตรียมแถลงข่าวถึงเงินจำนวนดังกล่าวในวันที่ 24 มีนาคมนี้
ล่าสุดนายชูวิทย์ได้ออกมาโพสต์ในเฟซบุ๊กของตัวเอง ชี้แจงว่าถ้าหากทางโรงพยาบาลไม่สบายใจกับเงินดังกล่าวที่นำไปบริจาค ก็ให้นำมาคืน แล้วตัวเองจะนำไปให้ตำรวจต่อไป
“เงินสีเทา
หากทนายตั้มบอกว่าผมได้มา 10 ล้าน และนำไปบริจาค 6 ล้าน เก็บไว้ 4 ล้าน
ถ้าผมคิดจะเก็บไว้จริง ผมควรเก็บไว้มากกว่าที่บริจาคไหม?
เช่น เก็บไว้ 6 หรือ 7 หรือ 8 ล้าน และนำไปบริจาคเพียงส่วนน้อย ย่อมทำได้
หรือไม่ก็ไม่ต้องบริจาคเลย เก็บไว้ทั้ง 10 ล้าน แล้วหยุดพูด เงียบๆ ไป
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีในวันนั้นที่นำเงินมา
หากโรงพยาบาลไม่สบายใจ คืนเงินมา ผมก็ต้องนำเงินไปให้ตำรวจ ก็ไม่ทราบว่าตำรวจจะทำอย่างไรกับเงินนี้ต่อไป
แต่ด้วยเจตนาดีในการนำเงินไปให้โรงพยาบาล เพื่อได้ช่วยเหลือคนเจ็บป่วย หรือคนตาย
คนนำเงินมาให้ก็เป็นนายตำรวจผู้ใหญ่ที่เกษียณแล้ว และผมรู้จักมานาน
จิตใต้สำนึกผมแยกแยะได้ว่า อะไรคือเงินของผม และอะไรที่ไม่ใช่
สังคมพิจารณาได้ว่าผมเป็นคนอย่างไร?
การกระทำของผมย่อมมีคนเสียประโยชน์ที่พยายามเล่นงานผมทุกวิถีทาง
แต่เมื่อผมตัดสินใจแล้ว เกมนี้เดิมพันด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ครับ”