xs
xsm
sm
md
lg

#แฉไปไถไป ชูวิทย์รับเงินสารวัตรซัว บริจาคศิริราช-ธรรมศาสตร์ รพ.ต้องส่งคืนเพราะอาจเข้าข่ายฟอกเงิน?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรณี "แฉไป ไถไป" ของเจ้าพ่ออ่างอบนวด ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ชี้รับเงินสีเทาแล้วเอาไปบริจาค "ศิริราช-ธรรมศาสตร์" อาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ตามกฎหมายฟอกเงินปี 42 สองโรงพยาบาลต้องส่งคืน

วันนี้ (23 มี.ค.) จากกรณีที่เฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" ของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง โพสต์ภาพเงินสดก้อนบรรจุถุงกระดาษ ระบุว่า "แฉไป ไถไป" คนที่คุณเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด หมดศรัทธา โดยระบุว่า ไถสีเทามา 50 ล้าน บริจาคเอาหน้าที่ละ 3 ล้าน สร้างภาพกลับตัวกลับใจ ไม่อยากให้มีอาชีพแบบนี้ สร้างประเด็นข่าวแล้วรีดไถ ใครยอมจ่ายก็ไม่พูดถึง คนที่บอกว่ารวยแล้วไม่เอาเงินให้คิดใหม่ เพราะยิ่งรวยยิ่งโลภ กลายเป็นที่วิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ และคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าเป็นใคร

ต่อมาเฟซบุ๊กของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด โพสต์ข้อความยอมรับว่า เงิน 2 ถุง ถุงละ 3 ล้านบาท ที่นายษิทรากล่าวถึง เป็นเงินที่นายตำรวจผู้ใหญ่นอกราชการนายหนึ่งนำมาให้ ระบุว่าเป็นของ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว อดีตสารวัตรซึ่งพัวพันคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ แต่อ้างว่าเลือกที่จะนำเงินดังกล่าวไปบริจาคให้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.พ. และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มี.ค. และยังแฉเรื่องสารวัตรซัวอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่ฮีโร่ เพียงแต่เป็นโจรที่เอาเงินบาปไปทำบุญ ถึงกระนั้น นายษิทรายังตั้งคำถามกลับนายชูวิทย์ว่า เงินที่นายชูวิทย์ได้รับเป็นคนละยอดกัน

อ่านประกอบ : "ชูวิทย์" เผยแล้ว รับเงินสารวัตรซัวแต่อ้างไปบริจาค ทนายตั้มชี้ "คนละยอดกัน" 

ทนายตั้มยังไม่ตอบ ใคร "แฉไป ไถไป" แต่ไม่ปฏิเสธว่าเป็น "ชูวิทย์" 

ใครหนอ? ทนายตั้มเผยคนคนหนึ่ง "แฉไป ไถไป"

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ MGR Online ได้นำเสนอข่าว พบว่ามีความเห็นจากผู้อ่านที่น่าสนใจ ระบุว่า "แค่ไม่รับ มันยากเหรอ? รับมายังต้องถือตั้ง 6 กิโลกรัม ไม่รับก็ไม่ต้องถืออะไรนี่ ทีนี้ สองโรงพยาบาลก็คืนเงินแน่ ลองนึกภาพ ถ้าชู (นายชูวิทย์) เอาไปบริจาคกับเบื้องสูง แบบที่ไอ้ forex 3d ทำ สังคมจะคิดยังไง อย่าเอาเงินบาปไปทำบุญเอาหน้า เพราะคุณต้องรับผิดชอบเอง ไม่ใช่สร้างหลักฐานแบบนี้ มันเดือดร้อนคนอื่นเขา ถ้าเขาเอาเงินส่วนนั้นไปใช้แล้ว เขาจะเอาที่ไหนมาคืน เงินบาป คนบาป ทำบาปต่อเนื่อง คนบาปอย่าทำบุญเอาหน้า อย่าลำเลิกบุญคุณเงินบาป"


เมื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าการกระทำของนายชูวิทย์ที่เลือกจะรับเงินที่ได้มาโดยไม่สุจริต แล้วนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลนั้น อาจเข้าข่ายการฟอกเงิน เพราะมาตรา 5 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ระบุว่า

มาตรา 5 ผู้ใด

(1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ

(2) กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

(3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน


กำลังโหลดความคิดเห็น