วงการซูเปอร์คาร์คึกคักอีกครั้ง เมื่อ McLaren Bangkok ที่ได้สิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่ายแมคลาเรน(McLaren) รถซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย อันเป็นหนึ่งในบริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด โดยนายวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ ได้ทำการส่งมอบซูเปอร์คาร์ McLaren ARTURA คันแรกของประเทศไทยให้แก่ไฮโซกี้-นายสราวุธ เสรีธรณกุล นักธุรกิจและนักแข่งรถซูเปอร์คาร์ ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ครอบครองซูเปอร์คาร์คันดังกล่าว
ไฮโซกี้ยังบอกเล่าประสบการณ์หลังจากที่ได้สัมผัสกับ McLaren ARTURA ว่า “ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวผมเป็นคนที่หลงใหลในความเร็ว ชอบความเร็วมาตั้งแต่เด็ก อายุ 12 ปีก็เริ่มขับ Go-Kart ขับ Drifting แล้ว ผมลงแข่งมาเรื่อยๆ ชอบกิจกรรมทุกอย่างที่เกี่ยวกับรถยนต์ ครอบครัวก็สนับสนุนด้วย จนได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งในรายการ Supercar Thailand และ Thailand Super Series แล้วก็ตระเวนแข่งมาทั่วเอเชีย ปีนี้ก็ 7 ปีแล้วที่ผมแข่งซูเปอร์คาร์ ผมมองว่ามันเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ คนขับต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับรถถึงบังคับพวงมาลัยไปจนจบการแข่งขันได้ และผมก็เคยสัมผัสกับ รถซูเปอร์คาร์มาหลายแบรนด์แล้ว แต่ละแบรนด์ก็มีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันไป อย่าง McLaren ผมรู้สึกชอบเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่นักแข่งรถจะชอบรถที่แรง เพอร์ฟอร์แมนซ์ดี McLaren ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ค่อนข้างดีเลย ส่วนตัวผมเองได้มีโอกาสสัมผัสกับ McLaren คือล็อตแรกๆ เลยที่มีการนำเข้ามา พอได้ลองขับก็ชอบเลย ซื้อเลย คันแรกที่มีคือ McLaren 650S Spider คันสีเหลือง ต่อมาคันที่สอง McLaren 720S ล่าสุดก็ตัดสินใจซื้อคันนี้ McLaren ARTURA ที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้อเพราะชอบที่เร็วและแรง เพอร์ฟอร์แมนซ์ดี ข้อดีอีกอย่างของ McLaren ซึ่งทำออกมาได้ดีคือ ระบบ Traction Control เป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ยานพาหนะ อย่างเราเดินคันเร่ง 100% ผมรู้สึกว่ารถก็ไม่หมุน ระบบ Traction สามารถตัดได้ดี ผู้ที่ไม่ค่อยชำนาญในการขับซูเปอร์คาร์ไม่ต้องกลัวรถหมุน ถ้าเป็นโหมดระบบ Traction Control จะตัดระบบได้ละเอียดมาก รถรุ่นนี้สำหรับผม ผมว่าใช้งานง่าย เพราะส่วนตัวผมขับรถแข่งประจำ ซึ่งรถจะค่อนข้างแรง ดุดันหน่อย พอมาขับรุ่นนี้แล้วรู้สึกโอเคเลย ขับสบาย ใช้งานได้ในทุกๆ วันจริงๆ ผมมีรถซูเปอร์คาร์เกือบทุกแบรนด์ McLaren ผมยกให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผมชอบและรักเลยครับ”
สำหรับความพิเศษของ McLaren ARTURA ทาง McLaren ยังคงยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบ โดยถือได้ว่าเราเป็นผู้บุกเบิกด้านการใช้เทคโนโลยีไฮบริดกับรถไฮเปอร์คาร์ McLaren P1 เป็นรุ่นแรก ตามมาด้วย McLaren Speedtail ซึ่งมาพร้อมระบบส่งกำลังที่ทำให้รถรุ่นนี้ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 250 ไมล์ต่อชั่วโมง
McLaren ARTURA เราระดมทีมงานผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเพื่อร่วมกันพัฒนาให้รถรุ่นนี้เป็นซูเปอร์คาร์แห่งอนาคต และตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันอย่างแท้จริง McLaren ARTURA ไม่เพียงดุดันในสนามแข่ง แต่ยังเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยโหมดไฟฟ้า 100% อีกด้วย ซึ่งผู้ขับขี่จะได้เปิดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่เหนือขั้นที่มาพร้อมสมรรถนะรอบด้านและความก้าวล้ำในทุกมิติ โดยจุดเริ่มต้นของการพัฒนารถรุ่นนี้ คือ การกำหนดเป้าหมายอันท้าทาย เริ่มจากการเพิ่มแบตเตอรี่ที่เปี่ยมประสิทธิภาพและพลังงานโดยไม่กระทบต่อน้ำหนักของรถโดยรวม เนื่องจากน้ำหนักของรถซูเปอร์คาร์ส่งผลต่อทุกๆ สมรรถนะทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอัตราการเร่ง การเบรก การเข้าโค้ง เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นที่ส่งผลให้น้ำหนักของรถยนต์ขับเคลื่อนได้อย่างเบาสบาย ดังนั้น ความเชี่ยวชาญของทีมงานในด้านวิศวกรรมวัสดุที่เน้นให้รถยนต์น้ำหนักเบาสามารถชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า McLaren Carbon Fibre Lightweight Architecture (MCLA) แบ่งได้เป็น 3 องค์ประกอบหลัก คือ 1. Carbon Fibre Monocoque 2. Electrical Architecture 3. โครงสร้างแชสซีส์และระบบช่วงล่าง ซึ่งทีมงานออกแบบ MCLA ขึ้นใหม่ทั้งหมด และออกแบบแพลตฟอร์มนี้ให้สามารถปรับเปลี่ยน เพื่อสอดคล้องกับรถยนต์แต่ละรุ่นได้มากกว่าแพลตฟอร์มรุ่นแรก จุดเด่นสำคัญของ Carbon Fibre Monocoque คือ ปลอดภัยกว่า แข็งแรงกว่า และน้ำหนักเบากว่า นอกจากนี้ ช่องว่างด้านหลังของ Monocoque ออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับแบตเตอรี่ HV ซึ่งได้รับการปกป้องรอบด้านเป็นอย่างดีจาก Carbon Fibre Safety Cell ซึ่งติดตั้งให้อยู่บน Carbon Fibre SMC Floor ในตำแหน่งต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อันจะเอื้อต่อจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำที่สุดของรถยนต์และช่วยในเรื่องเสถียรภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยระบบส่งกำลังแบบไฮบริดสมรรถนะสูง เราประมวลอย่างรอบด้านเพื่อออกแบบและผสานทุกองค์ประกอบให้รถยนต์มีน้ำหนักเบา และ McLaren ARTURA คือความสำเร็จที่ได้รับด้วยน้ำหนักรวม (ไม่รวมของเหลว) เท่ากับ 1,395 กิโลกรัม ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในรถยนต์ประเภทเดียวกันเลยก็ว่าได้ สำหรับการออกแบบแชสซีส์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ได้แก่ E-Differential แนวคิดระบบมัลติลิงก์แบบใหม่ ช่วงล่างด้านหลัง Proactive Damping Control ที่ผสานกับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว เช่น ระบบพวงมาลัยแบบ Electro-Hydraulic ที่เพิ่มความแม่นยำ คล่องตัว และเสถียรภาพในการขับขี่ซึ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อผู้ขับขี่ให้ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังคงสนุกกับการขับ McLaren ARTURA ด้วยการสัมผัสทุกความรู้สึกจากผิวถนนสู่พวงมาลัย
นอกเหนือจากนี้ เรายังพัฒนา Ethernet Electrical Architecture ใหม่ ที่ใช้ Domain Controller 4 ชุด และประเภทเครือข่ายใหม่ล่าสุดสำหรับยานยนต์ สำหรับความเร็วที่สูงขึ้นและแบนด์วิดท์ที่กว้างขึ้น ซึ่งทำให้เราสามารถลดน้ำหนักรวมได้สูงสุดถึง 25% จากการลดการใช้ชุดสายไฟและสายสัญญาณต่างๆ พร้อมกับนำเทคโนโลยีล่าสุดของระบบเครือข่ายมาใช้กับ McLaren ARTURA พร้อมกันนี้ ระบบ High-Performance Hybrid Powertrain ทำให้ McLaren ARTURA เป็นผู้นำด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ V6 ที่ให้สมรรถนะสูงกว่าแต่มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องยนต์ V8 ถึง 50 กิโลกรัม ขณะที่ชุดเกียร์แบบใหม่ 8 สปีด ซึ่งไม่มีเกียร์ถอยหลัง แต่เราสามารถออกแบบให้ใช้ Axial Flux Motor สำหรับการถอยหลังได้อย่างไร้กังวล และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนวัตกรรมล้ำหน้าด้านวิศวกรรมใน McLaren ARTURA ที่เราออกแบบมาเพื่อให้ McLaren ARTURA เป็นซูเปอร์คาร์ที่สามารถผสมผสานกับผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัวมากที่สุด
McLaren Bangkok จึงมุ่งหวังที่จะให้ McLaren ARTURA เป็นตัวผลักดัน สามารถเพิ่มยอดขายของ McLaren ในประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งหวังให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์รถซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่เหมาะสม เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มที่เคยอุดหนุน Performance Car ในกลุ่มสิบล้านต้นๆ หันมาสนใจ McLaren กันมากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ McLaren ในตลาดรถซูเปอร์คาร์ของเมืองไทย
ติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทาง
Facebook: https://www.facebook.com/McLarenBKK
Instagram: https://www.instagram.com/mclarenbangkok/
Website: https://bangkok.mclaren.com/en
Tel. 0-2321-1111, 08-1434-7777