ข่าวปนคน คนปนข่าว
**"เฮียชู"ขยี้ปมเว็บพนัน ชี้เป้า นายพล"จ." ตัวดี "มาเก๊า 888” แค่ไซส์ S ที่ตายเพราะ"นารีดิวพิฆาต" เทียบไม่ติดกับของ "สารวัตรซัว" งานนี้ไฟต์บังคับ “ผบ.ตร.เด่น” จะปล่อยให้เน่าทั้งปทุมวันหรือ!?
ผลจาก "ดิว อริสรา" เจ็บฝังลึกที่โดนทำร้ายทั้งกายและใจ จนต้องลุกขึ้นมาแฉ "มาเก๊า888" เว็บพนันออนไลน์ ที่เกี่ยวโยงกับ "4พี่น้องตระกูลบ." ของ "เบนซ์ เดม่อน" อดีตแฟนเก่าชนิด "แค้นนี้ต้องชำระ" ให้อีกฝ่ายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมถึงที่สุด กลายเป็นประเด็นที่สังคมเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึง "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ดาวฤกษ์ที่กำลังร้อนแรงในเรื่องแฉๆ โดยเฉพาะธุรกิจเทาๆ ทั้งหลาย
งานนี้ "เฮียชู" ไม่พลาดที่จะตามบดบี้ ขยี้ซ้ำ ด้วยการโพสต์ข้อความจั่วหัวฟันลงไปตรงๆ ตามสไตล์ว่า "มาเก๊า 888” ตายเพราะนารีพิฆาต ไม่ใช่ตำรวจ" พร้อมอธิบายขยายความว่า...
เว็บพนันออนไลน์เฟื่องฟู รายได้มากมายมหาศาลมีสารพัดเว็บ แค่เปิดดูในเน็ตก็เจอแล้วว่าเว็บพนันไหนยอดนิยม “มาเก๊า 888” เป็นเว็บที่มีเงินหมุนเวียน 5,000 ล้าน มีครอบครัวพี่น้องชายล้วน 4 คน เกี่ยวข้อง คนแรกชื่อ “เบนซ์” (แฟนเก่าดิว) คนรอง บอส, บิ๊ก และ“ไบร์ท” ที่เป็นตำรวจ
หากผบ.ตร. จะจัดการ “พนันออนไลน์” ง่ายมาก ทุกวันนี้ตำรวจเป็นคนทำเองเสียส่วนมาก พวกนี้งานตำรวจไม่ทำ ขับรถซูเปอร์คาร์ ร่อนไปมา แต่ปรากฏว่า “มาเก๊า 888” ของ 4 พี่น้อง ไม่ได้โดนตำรวจจับ แต่ดันไปโดน “นารีพิฆาต”เข้าให้
“ดิว” ออกมาแฉ เพราะโดนทำร้ายหน้าแหกตอนเป็นแฟนต่อหน้าคนในครอบครัว ไม่มีใครห้าม เลยอดไม่ไหว เมื่อเลิกกันแล้ว แค้น10 ปียังไม่สาย ออกมาแฉทีเดียวพังเป็นแถบ ตำรวจจึงต้องขยับตามนารี ไล่จับ ไล่กดดัน ทั้งๆที่รู้อยู่ รับส่วยกันประจำ แล้วดันให้เวลา 4 พี่น้องหนีไป
ล่าสุดตำรวจก็สะกิดให้ “มายด์” ลูกอดีตนายพล คนสนิท “เบนซ์” ทำหน้าที่คุมเงินนำไปฟอกตามผับ ตามบริษัทออร์แกไนเซอร์ จัดงานดนตรีใหญ่ หนีไปอยู่ฮ่องกงตอนนี้
ทั้งหมดได้รับสัญญาณจาก นายพล “จ” ตัวดี ให้ช่วยด้วยเงิน 500 ล้าน แต่ตำรวจหรือจะสู้แรงแค้น “นารีดิว” เมื่อไม่จบก็ต้องไล่จับจนได้ กลับทำให้เห็นว่า “พนันออนไลน์” ที่ทำจนใหญ่โต มีเจ้าของเป็นทั้ง “นายตำรวจ”ด้วย เป็น“นายบ่อน”ด้วย ยังมีอีกหลายฝูง อาศัยเป็นเห็บแฝงตัวหากินแบบนี้ องค์กรตำรวจจึงพัง ทั้งที่มีถึง 3 หน่วยงานใหญ่คุมไซเบอร์ กว่าจะมีคนยอมลาออกจากตำรวจได้ ต้องให้นารีดิวออกโรง
แต่ “มาเก๊า 888” เรียกว่าแค่ไซส์ S เพราะไซส์ L คือ “สารวัตรซัว แห่งเป็นต่อกรุ๊ป” เติบโตมีเงินหมุนเวียนเป็นหมื่นล้าน ใช้คอนเนกชัน “โรงเรียนภปร.สามพราน” เชื่อมต่อถึง “นายพล จ.” ศิษย์เก่าภปร.เหมือนกัน และใช้แต่ลูกน้องหัวกะทิ ที่ล้วนจบ ภปร.ทั้งสิ้น สุมหัวทำพนันออนไลน์ ตั้งแต่ยศร้อยตำรวจตรี ยันวันนี้เป็นพันตำรวจโท มีทั้งจัดตั้ง “สหกรณ์” ของตัวเอง เปิดบริษัทบังหน้าเป็นสิบบริษัท ซื้อ“ลาลิซ่า” อาบอบนวด ที่กำลังเปิด ร่วมหุ้นกับ“กำพล วิคตอเรีย” คนหนีคดีค้ามนุษย์ มีหมายจับ แต่ดันมีนัดกินข้าวกับ อดีต ผบ.ตร. “ส” กลางโรงแรมย่านรัชดาเป็นประจำ
ตำรวจที่ทำพนันออนไลน์ อาศัยคราบของเครื่องแบบหากิน ส่วนมากเป็นตำรวจหลักสูตร กอส. อบรมแค่3 เดือน ออกมาติดยศนายร้อย “สารวัตรซัว” แต่ก่อนเคยอยู่ไซเบอร์ เป็นมือเก็บเว็บพนันอื่นๆ ส่งให้ “นายพล จ.” ที่วันนี้แม้ไม่อยู่ไซเบอร์แล้ว แต่ยังกินเศษเงินจากพวกพนันออนไลน์อยู่ ขนาดแค่เศษ เดือนนึงได้หลายสิบล้าน เพราะรู้ช่องทาง เคยจ่ายกันอยู่ ขณะนี้ “สารวัตรซัว” ย้ายไปอยู่กองส่งกำลังบำรุง (โยธา) ปกติโยธาหากินกับ อาคาร งานก่อสร้าง แต่ “ซัว” หากินบนอากาศ (พนันออนไลน์) แค่เอาชื่อไปหมกไว้เฉยๆ งานการไม่ทำ ไม่เคยเซ็นชื่อลงเวลาสมุดทำงาน (ผมทราบเพราะถ่ายรูปสมุดลงเวลาไว้แล้ว กรุณาอย่าเขียนย้อนหลัง ปลอมเอกสารราชการโทษหนักอยู่นะครับ)
สูตรสำเร็จ ใส่เครื่องแบบ ผมยาว ขับรถซูเปอร์คาร์ เอาเงินฟาดหัวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สโลแกนประจำตัวสารวัตรซัว คือ “รู้ทุกอย่างเว้นงานในหน้าที่ ไปทุกที่เว้นที่ทำงาน ทุกหน่วยต้องการตัวเว้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
หาก “ผบ.ตร.เด่น” ต้องการให้องค์กรตำรวจดีขึ้น ต้องกล้าจัดการทั้งหมด พวกตำรวจออนไลน์ให้ไล่ออกยกเข่ง!!
เริ่มแรกจาก “สารวัตรซัว” ให้เวลาถึงวันจันทร์หน้านี้ เท่านั้น หากไม่จัดการ จะหาว่าผมทำให้องค์กรตำรวจเสียหายเสื่อมลงไม่ได้นะครับ ตำรวจเสื่อมเพราะตำรวจเองครับ ผบ.ตร. ต้องกล้าฟัน หากช้า เดี๋ยวจะเจอนารีพิฆาตอย่าง “มาเก๊า 888” อีก
ผมบอกไว้ที่นี้เลยว่า “ไม่ต้องติดต่อผม ไม่รับเคลียร์ใดๆ จ่ายใครได้จ่ายไป แต่หากไม่ไล่สารวัตรซัว ที่เป็นทั้งนายตำรวจ และนายบ่อน ออกไป ตำรวจดีๆอีกเป็นแสนเสียหายครับ” ที่สำคัญ ปีนี้ปีชง ผบ.ตร. กับ ผบช.น. ด้วย กว่าจะหายชง ก็ปีใหม่ไทยเดือนเมษาเลยนะครับ"
งานนี้ถามอย่างไม่อ้อมค้อม มาถึงขนาดนี้แล้ว ไฟต์บังคับ “ผบ.ตร.เด่น” พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ จะปล่อยให้องค์กรเน่าไปแบบนี้ทั้งหมดหรือ!?
**“ทนายตั้ม”ลาออกเพื่อไทย เล็งเข้ามุ้งสามมิตร พรรคลุงป้อม
ในยุคที่โซเชียลฯมีอิทธิพลสูง ผู้คนในสังคมมักเห็นว่าที่ไหนมีแสง ที่นั่นจะต้องมี “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายเพื่อประชาชน อยู่เสมอๆ เรียกว่าระยะหลังมานี้เขาไม่เคยห่างหายไปจากหน้าสื่อ
และในโหมดที่การเมืองกำลังนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง ก็มีข่าวว่า “ทนายตั้ม” ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ลาออกจากพรรคแล้ว จากนั้นก็ดิ่งไปหา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำ “กลุ่มสามมิตร” เพื่อขอคำปรึกษาหารือถึงทิศทางการเมืองในอนาคต เพราะรู้ดีว่าคนนี้ระดับ“สายตาเซียน” มองการเมืองทะลุ
เมื่อทนายคนดังมาหาถึงที่ ก็เข้าทาง“สมศักดิ์”พอดี... บอกว่าคนที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ด้านกฎหมายอย่าง “ทนายตั้ม” ไม่ควรทิ้งเรื่องการเมือง เพราะงานด้านนี้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ก็ยังเปิดรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจงานการเมืองอยู่ หาก“ทนายตั้ม”สนใจ ก็คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง และหาก “ทนายตั้ม” มีโอกาสได้เป็นส.ส. น่าจะช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนได้เป็นจำนวนมาก
เจออวยเข้าไปขนาดนี้ ก็แทบลอย แต่ข่าวว่า “ทนายตั้ม” ยังไม่ได้ตกลงปลงใจเข้าเป็นสมาชิกพรรคลุงป้อม ตามคำเชิญชวนเลยทีเดียว ขอกลับไปคิดทบทวนดูก่อน และจะมีคำตอบให้ในช่วงสิ้นเดือนก.พ.นี้
“ทนายตั้ม” ดีกรี ปริญญาตรี 2 ใบจากคณะรัฐศาสตร์ และ คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง และ ปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต ม.เกริก
ในอาชีพทนายความ เขาให้ความช่วยเหลือกับเหยื่อที่ได้รับความไม่เป็นธรรม กล้าเรียกร้องสิทธิ์ เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนทั่วไป และคนดังอีกหลายคนในสังคม
คนเริ่มรู้จัก “ทนายตั้ม”จากคดีหวย 30 ล้าน ระหว่าง “ลุงจรูญ” กับ“ครูปรีชา” ซึ่งทนายตั้มเป็นทนายให้ฝ่ายลุงจรูญ อีกคดีที่ดังๆก็คือ “คดีน้องชมพู่” ที่ทนายตั้ม ช่วยฝ่าย “ลุงพล” แต่ภายหลังก็เกิดแตกคอกันและถอนตัวออกมา
สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับดารา วงการบันเทิง ก็มีคดี “เอมี่-อาเมเรีย จาคอป” และคดีดังอย่างการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม” ที่ตกเรือสปีดโบ๊ต
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ “ทนายตั้ม” ได้ออกมาแฉเรื่องคาวโลกีย์ของอดีตนายกฯ “ชื่อย่อ ย.” ชอบตีกลอ์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน แถมมีคลิปหลุดออกมาให้แฟนโซเชียลฯได้เกาะติดหน้าจอสมาร์ทโฟน จนกระทั่ง “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” อดีตรองนายกฯ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ “รองนายกฯ ย.” ที่ไปคบชู้ตามที่สังคมคาดเดา พร้อมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยขับ “ทนายตั้ม” ออกจากสมาชิกพรรค ฐานทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง
ซึ่ง “ทนายตั้ม”ก็ออกมาโต้แย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เพราะนายยงยุทธ ได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปตั้งแต่ปี 2561 แต่เรื่องอื้อฉาวนี้เพิ่งเกิดเมื่อปี 2565 นี่เอง
ว่ากันว่า ช่วงนั้นมีหลายพรรคการเมืองที่ต่อสายจีบ “ทนายตั้ม”ให้ไปร่วมงานการเมือง แต่เขาก็ยังไม่ได้ตอบตกลงกับพรรคไหน แล้วเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ จัดงานระดมทุน โต๊ะละ3ล้าน ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอกแอนด์คอนเวนชัน เซ็นทรัลเวิลด์ ก็ปรากฏว่า “ทนายตั้ม” ได้โผล่ไปร่วมงานด้วย แต่บอกว่ามาตามคำชักชวนของ“รัฐมนตรีสมศักดิ์” ไม่ได้ซื้อโต๊ะ และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพราะยังอยู่พรรคเพื่อไทย
วันนี้ “ทนายตั้ม” ลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว และหากเขาตั้งใจไปเดินบนถนนการเมือง คงไม่แคล้วว่าจะไปเข้าพรรคลุงป้อม ไม่เช่นนั้นคงไปดิ่งไปหา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ใช่หรือไม่ใช่ ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ได้รู้กัน