ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “นอท กองสลากพลัส” ตีโพยถูกแกล้งโดน 4,000 คดี กะจะดรามาแต่สยบจบที่ตำรวจสวนด้วยข้อเท็จจริง
ว่าด้วยความคืบหน้า “คดีกองสลากพลัส” ที่จัดว่ามีดรามาไม่เว้นแต่ละวัน เพราะเจ้าของ “นอท” พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ขยันทำคอนเทนต์ เรียกเรตติ้งเพื่อหวังอ้อน FC คอหวย ไม่ให้ตีจากไปไหน
อย่างเมื่อวันวานที่ผ่านมา ก็ส่งทนายมอบอำนาจไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผบ.ตร. กล่าวอ้างว่า ตำรวจทำสำนวนคดีทับซ้อนกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนผู้ที่ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์กับกองสลากพลัส กว่า 4,000 คดี!
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อสงสัยกรณีที่ “นอท-พันธ์ธวัช” ได้รับหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกันทั่วประเทศ และได้รับหมายเรียกสอบปากคำครั้งแรกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 หมาย ซึ่งมีกำหนดนัดพบในวันที่ไล่เลี่ยกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ “นอท” จะเดินทางไปตามนัดพร้อมกันทุกที่
บางหมายส่งเมื่อวานให้ไปพบวันนี้ แต่ “นอท” มีนัดหมายกับโรงพักอื่นแล้ว เกรงว่า หากไม่ไปพบตามนัด อาจเป็นเหตุให้ออกหมายจับได้ เบื้องต้นจึงได้ขอเลื่อนพบไปบ้างแล้ว
อีกด้านหนึ่ง “พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบ ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด ก็เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ในคดี “นอท กองสลากพลัส” บอกว่า ข้อเท็จจริงคดีนี้ พนักงานสืบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ “นอท พันธ์ธวัช” เพียงคดีเดียว มิใช่การไปร้องทุกข์กล่าวโทษ 4,000 กว่าคดี ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ได้ส่งรายชื่อพยานพร้อมประเด็นการสอบสวน ไปให้หน่วยตำรวจต่างๆ ทั่วประเทศ ที่เป็นภูมิลำเนา และที่พักอาศัยของประชาชนผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล จากกองสลากพลัส เพื่อสอบสวนปากคำเป็นพยาน และยืนยันตัวบุคคลว่าเป็นผู้ซื้อสลากจากกองสลากพลัสจริง แล้วส่งพยานเอกสารหลักฐานกลับมาให้พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานประกอบการดำเนินคดี ก็เท่านี้
นี่เรียกว่า ที่ “นอท” บอกรับหมายไม่หวาดไม่ไหว สับตารางไม่ทัน ทั้งๆ ที่เจ้าตัวยินดีพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่โดนตำรวจกลั่นแกล้ง แยกร่างไม่ถูก กว่าจะผ่านไปเป็นเพชร มีหวังคงได้เป็นถ่านไปเสียก่อนเหมือนที่เคยพูดไว้ เป็นเรื่องของการโอดครวญ กะให้ก่อเกิดดรามาขอความเห็นใจ แต่ความจริงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
รวมไปถึงเมื่อวานนี้ ศาลได้รับคำร้องของ “ดีอีเอส” มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับการทำให้แพร่หลาย ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของเว็บไซต์และแพลตฟอร์ม “กองสลากพลัส” 2 URL และ 1 แพลตฟอร์ม รวม 3 รายการ ระหว่างที่ยังอยู่ในขั้นตอนการไต่สวนพิจารณาคำร้องขอให้ปิดเว็บไซต์ และแพลตฟอร์ม กองสลากพลัสแบบถาวร
โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า หลังจากที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ปิดเว็บไซต์และแพลตฟอร์ม กองสลากพลัส พบว่า ยังคงมีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และมีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์ม อีกทั้งยังมีการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ และยอมเปรียบเทียบปรับกับพนักงานสอบสวนเรื่อยมา จึงมีคำสั่งห้ามผู้คัดค้านแพร่หลายซึ่งข้อมูลใดๆ ในเว็บไซต์ และแพลตฟอร์ม จนกว่าจะมีคำสั่งอื่นๆ เปลี่ยนแปลง
งานนี้ “นอท” ได้ยาวไปแน่ๆ และขอบอกคงต้องงดดรามานะจ๊ะ
** ไม้เด็ด “ลุงป้อม” ตรึง “2ส.” ในกลุ่มสามมิตร ให้อยู่กับพลังประชารัฐ
“กลุ่มสามมิตร” ถูกจับตาว่าเลือกตั้งครั้งนี้ จะตัดสินใจอยู่กับลุงคนไหน ระหว่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่พรรคพลังประชารัฐ กับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เบอร์ 1 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือจะมีคนใดข้ามฟากไปอยู่กับครอบครัวชินวัตร ที่พรรคเพื่อไทย
เพราะ “กลุ่มสามมิตร” ได้รับการยกย่องว่ามี “สายตาเซียน” สังกัดพรรคไหนไม่เคยพลาดจากการเป็นรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ หนึ่งในแกนนำบอกว่ากลุ่มสามมิตร จะยังอยู่กับ “พรรคลุงป้อม” แต่อยู่ไม่ครบทุกคน มีบางคนต้อง “แยกไปออกเรือน” เพื่อการเติบโตต่อไปในอนาคต
พูดง่ายๆ ว่า ครั้งนี้ต้องแยกกันเพื่อการันตีว่าคนในกลุ่มต้องได้เป็นรัฐมนตรีแน่
แล้ว “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มสามมิตร ก็ออกมาบอกว่าจะขอติดตามไปช่วยงาน “ลุงตู่” ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีสมาชิกในกลุ่มอย่าง “ธนกร วังบุญคงชนะ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไปจัดที่จัดทางรออยู่ก่อนแล้ว
ส่วนหนึ่งที่ “อนุชา นาคาศัย” ตัดสินใจตาม “บิ๊กตู่” ไป เพราะไม่สะดวกใจที่อยู่พรรคพลังประชารัฐต่อ เนื่องจากบาดแผลจากเกมเขย่าเก้าอี้จนตัวเองตกจากตำแหน่งแม่บ้านพรรคยังคอยหลอน
จึงเหลือเพียง “2ส.” คือ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” กับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม ว่าจะยังอยู่ที่เดิมกับ “ลุงป้อม” หรือมีใครแยกออกไป
แล้วก็มีกระแสข่าวออกมาว่า “สุริยะ” จะยังอยู่กับ “ลุงป้อม” ส่วน “สมศักดิ์” จะข้ามฟากไปอยู่กับเพื่อไทย โดยสังเกตได้จากบรรดาสมาชิกในกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง ที่ “สมศักดิ์” ดูแลรับผิดชอบอยู่ ได้ไปเปิดตัวร่วมขบวนการแลนด์สไลด์ กับพรรคเพื่อไทยกันแล้ว
แฟนการเมืองวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างฮือฮา ว่า รอบนี้แกนนำสามมิตร แยกกันไปอยู่สามพรรคเลยทีเดียว!!
เช้าวานนี้ ก่อนการประชุม ครม. “สุริยะ” จึงถูกนักข่าวซักถามว่าเอาไงกันแน่ ยังอยู่พรรคเดิมหรือไม่ แต่ “สุริยะ” ได้แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร ก่อนเดินเลี่ยงไปเข้าห้องประชุม
แต่พอหลังการประชุม ครม. คราวนี้ “สุริยะ” เดินดิ่งมาหามาผู้สื่อข่าว เพื่อจะบอกว่า ตนเองยังอยู่กับพรรคลุงป้อม ไม่ไปไหน และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ก็ไม่ได้ไปไหนเช่นกัน เมื่อช่วงเช้าที่ไม่ได้ตอบคำถาม ไม่ได้หมายความว่า จะย้ายไปอยู่พรรคอื่น ไม่รู้กระแสข่าวที่ว่าจะไปอยู่พรรคเพื่อไทยนั้นมาจากไหน...ทั้งตนเอง และสมศักดิ์ ได้ยืนยันกับ “ลุงป้อม” แล้วว่าจะยังคงอยู่ พรรคพลังประชารัฐ ไม่ย้ายไปไหน
ว่ากันว่า หลังมีข่าวสะพัดว่า “สมศักดิ์” จะย้ายไปเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย “ลุงป้อม” ก็ไม่ได้อยู่เฉย แต่เรียกตัวเข้าพบเพื่อพูดคุยกันให้สะเด็ดน้ำ รวมทั้งในรายของ “สุริยะ” ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า การเจรจาหว่านล้อม ต่อรอง ต้องมีทั้งพระเดช พระคุณ เพราะชั่วโมงนี้ “ลุงป้อม” จะไม่ปล่อยให้เลือดไหลออกอีกแล้ว
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ “ลุงป้อม” เอาจริง ไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯแบบเล่นๆ เห็นได้จากการออกเดินสายตรึงบ้านใหญ่ที่อยู่ในเครือข่าย เพื่อทำตัวเลข ส.ส.เขต รวมทั้งระดมคนเก่าของพรรคมาร่วมสร้างภาพลักษณ์ เสริมทีมเศรษฐกิจ อย่าง “อุตตม สาวนายน” อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีตเลขาฯ พรรค ยังถูกดึงกลับมาร่วมงาน เพื่อดึงคะแนนพรรค
มีคิวเดินสายพบปะประชาชนถี่ยิบ ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ ที่ดูกระฉับกระเฉง เป็นกันเองกับประชาชน สร้างความมั่นใจให้กับลูกทีมในพรรค และประชาชนโดยรวม ว่า หลังเลือกตั้งครั้งนี้ โอกาสของ “ลุงป้อม” ที่จะขึ้นเป็นนายกฯนั้นสูงกว่าใครๆ
แล้วอย่างนี้ “2ส.” สมศักดิ์-สุริยะ จะปฏิเสธ “ลุงป้อม” ได้หรือ