1."นอท" ยันไม่กังวลหลัง ตร.ค้นกองสลากพลัส แบไต๋ตั้งพรรคการเมือง รอ กกต.รับรอง ยันบินไปลอนดอน ไม่ใช่หนี!
ความคืบหน้ากรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหมายเรียกนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ "นอท กองสลากพลัส" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกองสลากพลัส มาสอบปากคำเมื่อวันที่ 13 ม.ค. หลังพบแก๊งฟอกเงินโอนเงินเข้าบัญชีหลายสิบล้าน ซึ่งเจ้าตัวชี้แจงว่า เงินที่ได้รับโอนดังกล่าว เป็นเงินที่ตนเองมอบอำนาจให้นาย อ. ซึ่งเป็นนายทุนที่สนใจแพลตฟอร์มกองสลากพลัส พร้อมเลขาส่วนตัวของตนเอง นำสลากที่ลูกค้าถูกรางวัลไปขึ้นที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยหลังขึ้นเงินแล้ว เจรจาทางธุรกิจไม่ลงตัว นาย อ.อยากเป็นหุ้นส่วน แต่ตนเองอยากได้เงินกู้ จึงต้องแยกทางกัน นายพันธ์ธวัช ยังอ้างด้วยว่า ตนโง่เอง เพราะตอนนั้นโลภมาก อยากเอาเงินไปทำธุรกิจ จึงพร้อมทำทุกอย่าง และไม่ได้ตรวจสอบประวัตินาย อ.ก่อน
อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอยังพบเส้นทางเงินอีก 39 เส้นทางที่นายพันธ์ธวัชต้องชี้แจงภายในสองสัปดาห์ มูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท นอกจากนี้มีรายงานว่า ดีเอสไอจะเดินทางไปตรวจสอบออฟฟิศของกองสลากพลัสและโกดังเก็บสลากกินแบ่ง 170 ล้านใบในวันที่ 16 ม.ค.ด้วยนั้น
ปรากฏว่า เมื่อถึงกำหนด (16 ม.ค.) นายพันธ์ธวัช ได้ให้สัมภาษณ์หลังจาก พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ ร่วมกับ พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, ผู้แทนสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.), กรมสรรพากร และดีเอสไอ เข้าตรวจค้น บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มลอตเตอรีออนไลน์ กองสลากพลัส โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีความกังวล เนื่องจากไม่ได้ทำผิดตั้งแต่แรก
นายพันธ์ธวัช ยังฝากไปยังผู้ที่ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์กับกองสลากพลัสด้วยว่า หากถูกรางวัลงวดวันที่ 17 ม.ค. จะไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากผู้ช่วย ผบ.ตร. ยืนยันแล้วว่าจะไม่มีผลอะไรสำหรับผู้ที่ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์จากกองสลากพลัส นายพันธ์ธวัช ยังกล่าวด้วยว่า การกว้านซื้อลอตเตอรี่ที่ไหนเขาก็ทำกัน และทำแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว แต่ไม่มีใครเห็น ทำไมเพิ่งมาเห็นแต่กองสลากพลัส
ต่อมา นายพันธ์ธวัช ได้เปิดแถลงข่าวอีกว่า การตรวจค้นมีการเก็บเอกสารหลายอย่าง ทั้งแฟลชไดรฟ์ รู้สึกว่าการตรวจสอบลอตเตอรี่ 70 ใบทำไมเก็บพยานหลักฐานมากขนาดนี้ ยืนยันว่าไม่ได้จำหน่ายเกินราคา ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ทราบว่าการมาตรวจค้นเพื่อหาข้อผิดพลาด แล้วยื่นปิดแพลตฟอร์มกองสลากพลัส ตอนนี้มีคดีค้างยื่นแพลตฟอร์มในศาลอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้ามาตรวจค้น การจำหน่ายลอตเตอรี่ไม่มีใบอนุญาตขาย ทุกคนขายได้ เรื่องนี้เคยหารือไป ครม. ชุดก่อนหน้านี้แล้ว
นายพันธ์ธวัช ยังยอมรับด้วยว่า รู้จักนายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เมื่อปี 2564 ในเว็บบอร์ดเดียวกัน แต่รู้จักเป็นการส่วนตัวเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2564 ขายลอตเตอรี่ได้ 1.2 ล้านใบ มีลูกค้า 4 แสนกว่าคน รู้จักได้ปีกว่าตอนไปกู้เงิน เพราะต้องการให้ธุรกิจของตนโตไปที่ 3 ล้านใบ เพราะธนาคารไม่ให้กู้ ไม่รู้ว่านายแทนไททำอะไรบ้าง รู้แค่เทรดคริปโทฯ ตนยืมเงินนายแทนไท เป็นเงินถูกกฎหมาย เทรดคริปโทฯ ก่อนหน้านั้นไม่รู้ และได้จ่ายดอกเบี้ย 15 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ความจริงมีแค่นี้
นายพันธ์ธวัช เผยด้วยว่า ตนมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลราคาแพงให้ได้ ซึ่งต้องทำนโยบายที่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน จึงได้เตรียมตัวการทำงานทางการเมืองไว้นานแล้ว ภายใต้ชื่อพรรคการเมือง “เปลี่ยน” ได้ยื่นจดทะเบียนพรรคการเมืองตั้งแต่ 31 ส.ค. 2565 จองชื่อไว้ตั้งแต่ 24 ธ.ค. 2564 ขณะนี้รอสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองพรรค เร็วๆ นี้จะเปิดแพลตฟอร์มให้ประชาชนได้แสดงความเห็นนโยบายพรรค เน้นปากเสียง และแก้ปัญหาที่มีอยู่ในสังคมไทย ใครไม่กล้าพูด ไม่กล้าแก้ ขออาสาทำ และฟังเสียงประชาชน โดยเฉพาะสลากแพง ที่รู้ปัญหาดีที่สุด จะแก้ปัญหานี้ หลัง กกต. รับรองจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคต่อไป
นายพันธ์ธวัช ยังเผยที่มาของชื่อพรรคด้วยว่า “ที่ชื่อว่าพรรคเปลี่ยน เป็นการเปลี่ยนเพื่ออนาคต เปลี่ยนเพื่อกล้าพอ โลโก้ เป็น ป.ปลา ไขว้กัน เป็นหัวลูกศรขึ้น ตั้งใจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นในอนาคต ผมไม่มีอุดมการณ์การเมืองซ้ายหรือขวา เจอปัญหาตรงไหนก็แก้ปัญหา อยากแก้ปัญหาลอตเตอรี่ให้ได้จริง อาชีพคนขายลอตเตอรี่น่าสงสาร คนจน คนพิการ ขายเป็นอาชีพของเขา จำนวนที่ขายก็เท่าเดิมไม่ว่าผ่านมากี่ปี กำไรจากการขายไม่พอเลี้ยงชีพ สุดท้ายแล้วก้าวต่อไปของผมคือพรรคเปลี่ยน ผมจะสมัครระบบปาร์ตี้ลิสต์ จะดูแลคนขายสลาก 2 แสนคน”
นายพันธ์ธวัช ยังเผยด้วยว่า ตนจะไปดูบอลที่อังกฤษแมตช์หนึ่ง เช็กอินที่อังกฤษ ไม่ได้หนี แต่ไปเที่ยว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นอท กองสลากพลัส รู้จักกับนายเอ็ดดี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเจ้าของเว็บพนันบอลรายใหญ่นั้น เจ้าตัวยอมรับว่า ที่ผ่านมาได้ถ่ายโฆษณาก็ต้องรู้จักคนเหล่านี้บ้าง โดยเคยเจอแต่ไม่ได้สนิท เพียงแต่เป็นกลุ่มที่เข้าไปเที่ยวในเลาจน์เท่านั้น และไม่ได้รับเงินมาฟอกเพื่อทำสลากออนไลน์
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. เฟซบุ๊ก "นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์" ของนายพันธ์ธวัช ได้โพสต์ภาพขณะที่ตนเองกำลังรอเช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอินช่องพิเศษ Royal Silk ของสายการบินไทย ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พร้อมข้อความระบุว่า "ทำงานมาสองปีเต็มๆ เพิ่งจะได้หยุดยาวๆ ขอลางาน 8-9 วันนะครับ ไว้กลับมาสู้ใหม่" พร้อมกับระบุว่า ไปกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมีแฟนคลับเข้ามาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ขณะที่กระแสสังคมก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ และคาดเดาไปต่างๆ นานาว่า ไม่ได้หนีใช่หรือไม่?
ล่าสุด "นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์" ได้โพสต์อีกครั้ง (21 ม.ค.) ว่า "นี่คือสามสิ่งที่ทำให้ผมสู้อยู่ ลูก ลูกค้า และทีมงาน ไม่ต้องห่วง กูไม่ได้ทำผิด กูไม่หนีแน่นอน"
2."สมศักดิ์" เด้งฟ้าผ่า "ไตรยฤทธิ์" พ้นอธิบดีดีเอสไอ คาดสาเหตุบกพร่อง ไม่จัดการ จนท.โยงเรียกสินบนทุนจีนสีเทา!
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามในคำสั่งให้นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
โดยให้เหตุผลที่โยกสลับตำแหน่งดังกล่าวว่า เพื่อให้การบริหารงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่เหมาะสมกับภารกิจในความรับผิดชอบของส่วนราชการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ของทางราชการ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 และมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับคำสั่งย้ายอธิบดีดีเอสไอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในครั้งนี้ มีรายงานว่า อาจมาจากปัญหาด้านการบริหารงานที่บกพร่อง เพราะไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์กรหลายเรื่องได้ แม้ว่าการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจะไม่พบความผิดที่เกี่ยวข้องกับนายไตรยฤทธิ์โดยตรง แต่หลายกรณีกลับพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และนายไตรยฤทธิ์ ไม่ดำเนินการอะไร
เช่น กรณีมีรายงานว่า บุคคลซึ่งเป็น ผอ.กองฯ และเป็นหน้าห้อง-มือขวาของอธิบดีดีเอสไอ ได้ประสานขอความร่วมมือไปยังรองผู้การ 191 เพื่อประสานต่อไปยังรอง ผบช.น. ขอศาลอนุมัติหมายค้นบ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรู จากนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ รวม 5 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ร่วมกันเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู ก่อนปรากฏข่าวเรียกรับผลประโยชน์จากทุนจีนสีเทาหลายล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุม และต่อมามีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 5 ราย โดยมีรายงานว่า นายสมศักดิ์ได้เรียกนายไตรยฤทธิ์ ไปสอบถามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว และให้ทางดีเอสไอให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 คน ที่ถูกหมายจับออกจากราชการไว้ก่อน แต่นายไตรยฤทธิ์ ไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริต โดยเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นขบวนการทุจริตในการเรียกรับสินบนจากผู้ต้องหาหลายคดีของดีเอสไอกว่า 25 คน และกรณีที่นายอัจฉริยะ เคยยื่นขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบนายไตรยฤทธิ์ กรณีที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า ให้การช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาพ้นผิดหรือไม่คดีขโมยลิฟท์หลวงไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่า
สำหรับประวัติของนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2508 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเกิดมาในครอบครัวที่เป็นหมอ พ่อรับราชการเป็นแพทย์ แม่เป็นนางพยาบาล ส่วนการศึกษา เรียนจบคณะแพทยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจบการศึกษาสูงสุด วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
เริ่มชีวิตการทำงาน เมื่อปี 2532 เป็นนายแพทย์ 4 สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข, ปี 2549 เป็นนายแพทย์ 8 วช. หัวหน้ากลุ่มนิติเวชคลินิก สำนักนิติวิทยาศาสตร์บริการ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม, ปี 2559 เป็นรองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์, ปี 2561 เป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม, ปี 2563 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม และปี 2564 ครม. แต่งตั้งเป็นอธิบดีดีเอสไอ
3. อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง “ตู้ห่าว” นายทุนจีนสีเทากับพวก 41 ราย ค้ายา-ฟอกเงิน-อาชญากรรมข้ามชาติ โทษสูงสุดประหารชีวิต!
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งฟ้องนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก รวม 41 ราย ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยกระทำการในลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน
ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายดำเนินงานขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม
ทั้งนี้ อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นำคำฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป
ต่อมา (19 ม.ค.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 4 ได้นำคำฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ จำเลยทั้งหมด 23 ราย ส่วนที่เหลือดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ได้ตัวมาดำเนินคดีต่อไป โดยมีคำฟ้องรวม 332 หน้า เอกสารท้ายฟ้องอีก 35 แผ่น และอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานในการดำเนินคดีต่อไปด้วย
นายโกศลวัฒน์ เผยด้วยว่า คดีนี้ อัยการสูงสุดได้ลงมาช่วยคณะทำงานทำงานทุกวันแม้ในวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยไม่มีวันหยุด นอกจากนี้อัยการสูงสุดยังติดตามความคืบหน้าทุกระยะ และกำกับการบริหารงานคดีให้เป็นไปตามกำหนดเวลาตามกฏหมายได้ทัน สำหรับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น มีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และมีอายุความ 30 ปี
ทั้งนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ประทับฟ้องเป็นคดี โดยกำหนดนัดสอบคำให้การจำเลยในวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.นี้
4. "ดาริล ยัง" นอนคุก หลังถูกรวบ-ศาลไม่ให้ประกัน คดี Forex-3D ด้านดีเอสไอแจ้งจับ "ซาร่า" ด้วย ฐานช่วยเหลือ-ให้ที่พักพิง!
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ควบคุมตัวนายดาริล ยัง ผู้ต้องหาคดี Forex-3D ในกลุ่ม “ดีเจแมน-ใบเตย” จากท่าอากาศยานดอนเมือง หลังจากเจ้าหน้าที่ ตม.ภูเก็ต นำตัวมาส่งให้ที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นได้นำตัวนายดาริล ยัง มาคุมขังที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ทั้งนี้ หลังจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอสอบปากคำนายดาริล ยัง เสร็จสิ้นแล้ว ได้นำตัวไปขอศาลอาญารัชดาฝากขังเมื่อวันที่ 18 ม.ค.
ด้าน ซาร่า คาซิงกินี ภรรยาดาริล ยัง กล่าวว่า นายดาริล ยัง รู้สึกเครียด มีร้องไห้บ้าง ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ขอโอกาสขอเวลาได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วนตัวเองก็ขอยืนยัน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีแชร์ Forex-3D
สำหรับคำร้องขอศาลฝากขังนายดาริล ยัง ของดีเอสไอ ระบุพฤติการณ์ว่า นายดาริล ยัง และนายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวกได้กระทำความผิดโดยทุจริตในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ร่วมกันหลอกลวงโดยการโฆษณาชักชวนต่อประชาชนทั่วไปหรือบุคคลตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปว่า ตนเองมีกิจการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และชักชวนผู้สนใจร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ www.Forex-3D. COM โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 20-60 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้
เป็นการระดมเงินทุนแล้วหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร่วมลงทุนว่าจะให้ดอกเบี้ยในอัตราอย่างสูงต่อเดือน ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกและร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งการโฆษณาชักชวนหลอกลวงประชาชนของผู้ต้องหากับพวก ดังกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะความจริงไม่มีการนำเงินไปลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างๆ (Forex) ตามที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการนำเงินจากประชาชนผู้ลงทุนรายนั้นหรือรายอื่นมาหมุนเวียนจ่ายแก่ประชาชนผู้ลงทุนรายนั้นเองหรือผู้ลงทุนให้กู้ยืมเงินรายอื่น ฯลฯ
ซึ่งคดีปรากฎหลักฐานว่า ผู้ต้องหาได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการร่วมกระทำความผิดเป็นการรับโอนเงิน ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดในคดีนี้ จากบัญชีเงินฝากของนายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวก เข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัวของผู้ต้องหา โดยไม่ปรากฏมูลหนี้ต่อกัน รวมเป็นเงินจำนวนหลายล้านบาท อันมีลักษณะเป็นการตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่กันในระหว่างผู้กระทำความผิด มีลักษณะเป็นการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ฯลฯ โดยการหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียหายจำนวน 9,424 ราย มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 2,489.820,321.52 บาท
โดยศาลได้อนุมัติหมายจับนายดาริล ยัง วันที่ 8 พ.ย. 2565 จากนั้นวันที่ 16 ม.ค. 2566 ขณะที่ผู้ต้องหากำลังจะเดินทางไปสิงคโปร์ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้เข้าแสดงตัวและจับกุม ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอดำเนินคดี
พนักงานสอบสวนดีเอสไอระบุด้วยว่า การสอบสวนผู้ต้องหายังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 50 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ฯลฯ จึงขอฝากขังผู้ต้องหา 12 วัน และขอคัดค้านการประกันตัว เพราะผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี ประกอบกับมูลค่าความเสียหายในคดีค่อนข้างสูง เกรงว่าจะหลบหนีอีก และยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง ซึ่งศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้
ด้านซาร่า ภรรยาผู้ต้องหา ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท โดยเสนอขอติดกำไล EM
ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีมีมูลค่าเสียหายกว่าพันล้านบาท ผู้ต้องหาถูกหมายจับมีพฤติการณ์การหลบหนี รวมทั้งเป็นชาวต่างชาติ พยานหลักฐานชั้นสอบสวนมีเงินเข้าในบัญชีผิดปกติ และพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน น่าเชื่อว่า อาจจะหลบหนี ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ยกคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.บางพลัด ให้ดำเนินคดี น.ส.ซาร่า คาซิงกินี ภรรยาของนายแดริล ยัง ข้อหาช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฯ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้ที่พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน พ.ต.อ.ปริญญา กล่าวว่า หลังจากนี้ จะดำเนินการตรวจสอบพยานเอกสารและพยานบุคคลตามที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ส่งมาให้ จากนั้นจะเรียก น.ส.ซาร่า เข้ามาพบตามขั้นตอนของกฎหมาย
5. "เม-พรีมายา" เจ้าของอาหารเสริมชื่อดัง มอบตัวหลังถูกออกหมายจับ ยันไม่เจตนาหลอก ปชช. ลงทุน 6,000 กำไร 15 ล้าน ด้านน้องชาย “ใบเตย” ยันพี่สาวไม่เกี่ยว!
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้นำทีมตำรวจหลายหน่วยเข้าตรวจค้น บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านลัดดารมย์ บางนา จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านพักของ น.ส.พิชญ์นรี ตันติวิทย์ หรือเม พรีมายา เจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อแบรนด์ PRIMAYA (พรีมายา) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในความผิดโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ
จากการตรวจค้นไม่พบ เม พรีมายา อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว มีเพียงแม่บ้านเป็นผู้ดูแลและพักอาศัย จากการสอบถามเบื้องต้น แม่บ้านให้ข้อมูลว่า ได้เดินทางออกจากบ้านไปตั้งแต่วันก่อนหน้า โดยไปกับนายสิทธานต์ สรรเสริญ หรือ แซก แฟนหนุ่ม ซึ่งไม่ได้ระบุว่าจะเดินทางไปที่ใด เบื้องต้นได้ค้นหาพยานหลักฐาน พร้อมตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไปตรวจสอบด้วย นอกจากนี้ ได้เข้าตรวจค้นบริษัท พรีม่า มายา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.แพรกษาใหม่ จ.สมุทรปราการ ด้วยเช่นกัน
มีรายงานว่า การตรวจค้นครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า น.ส.พิชญ์นรี และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ใช้ข้อความอันเป็นเท็จ ลักษณะเชิญชวนอ้างว่า ลงทุน 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาท พร้อมโพสต์ภาพหญิงคนหนึ่งคู่กับรถหรูในโชว์รูม ในลักษณะเชิญชวน แต่เมื่อตรวจสอบพบว่า ไม่เป็นไปตามข้อความที่ปรากฏ
ทั้งนี้ เย็นวันเดียวกัน น.ส.พิชญ์นรี พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เพื่อมอบตัวตามหมายจับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวไปสอบปากคำ
โดย น.ส.พิชญ์นรี กล่าวว่า มามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และว่า ตนเป็นคนทำงาน ที่ผ่านมา ได้เรียนรู้และปรับปรุงพัฒนามาโดยตลอด จนทำให้มีวันนี้ และวันนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งข้อผิดพลาดที่ตนพร้อมจะแก้ไข ยืนยัน ไม่ได้มีเจตนาทุจริต
ส่วนเรื่องการโพสต์ข้อความลงทุน 6,000 บาท แล้วได้ผลตอบแทนนั้น น.ส.พิชญ์นรี กล่าวว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่คำชวนเชื่อ หรือคำโฆษณาใดๆ ยืนยันว่า ไม่มีใครร่วมสร้างเรื่องราวใดๆ รวมถึงตัวของน้องนิ่ม ทุกอย่างเกิดจากมูลความจริงที่ตนได้เข้าใจและสื่อสารออกไป ยืนยันว่า ไม่เคยมีคำว่าหลอกลวงประชาชนในการทำงานของตน ตลอดระยะเวลา 7 ปี ตนสู้ชีวิตหนักมาก มีแต่สร้างสิ่งดีๆ และคืนสู่สังคมด้วยซ้ำ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ เผยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ ประกอบกับตำรวจไซเบอร์ได้รับนโยบายให้ตรวจสอบเพจที่มีการชักชวนลงทุนเกินความเป็นจริง จนพบว่า “พรีมายา” เข้าข่ายกรณีดังกล่าว จนสามารถขอศาลอนุมัติออกหมายจับได้ ต่อมาพบว่า ญาติของ น.ส.พิชญ์นรี กำลังจะออกนอกประเทศ ทำให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. สกัดจับ และทางตำรวจไซเบอร์จึงต้องปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งตำรวจไซเบอร์ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 11 หมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เส้นทางการเงินของพรีมายา เชื่อมโยงกับดารานักแสดงกลุ่มหนึ่ง พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจไซเบอร์ขอดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อน
ทั้งนี้ วันต่อมา (20 ม.ค.) มีรายงานว่า น.ส.พิชญ์นรี และพวก รวม 5 คน ได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้วางเงินสด 100,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ประกัน
ด้าน “ใบเตย อาร์สยาม” สุธีวัน กุญชร ที่คดี Forex-3D ยังไม่ซา ปรากฏว่า ถูกขุดคลิปที่เคยไปร่วมเปิดตัวธุรกิจคลินิกศัลยกรรมเสริมความงามย่านเอกมัย-รามอินทรา กับ “เม พิชญ์นรี”หรือ “เม พรีมายา” ที่กำลังเป็นข่าวดัง โดยในคลิประบุว่า นักร้องสาวเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนคลินิก พร้อมข้อความ “ไว้ใจร่วมลงทุน 8 หลัก เปิดใจ ใบเตย อาร์สยาม ต่อหน้า เม พรีมายา ครั้งแรก, นักธุรกิจสาว ร่วมหุ้น ดาราสาว ครั้งแรกในวงการออนไลน์ ทุ่มงบอัดฉีด 10 ล้านบาท ศัลยกรรมเปลี่ยนใหม่ยกทีม” อีกคลิปเป็นภาพดีเจแมน พัฒนพล และใบเตยถ่ายคอนเทนต์ขณะใช้บริการของคลินิกร่วมกับ เม พรีมายา เพื่อโปรโมตคลินิกดังกล่าว
ล่าสุด “ลุกซ์” น้องชายและผู้จัดการของใบเตย ได้ออกมายืนยันว่า ใบเตยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาหารเสริมที่เป็นข่าว เป็นเพียงพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจคลินิกเสริมความงามเท่านั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่ไม่มีการติดต่อเข้ามา เพราะคนละธุรกิจกัน