xs
xsm
sm
md
lg

ศูนย์จีโนมฯ เผยรายงานนักวิทยาศาสตร์รับวัคซีน mRNA มากครั้ง เพิ่มความเสี่ยงติดโควิดซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดรายงานนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก เอ็มอาร์เอ็นเอ 3 โดสมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโอมิครอนซ้ำมากกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 โดส และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6 เท่าเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน

วันนี้ (27 ธ.ค.) เพจ "Center for Medical Genomics" หรือศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความระบุว่า “ประสิทธิผลของ "วัคซีนเข็มกระตุ้น" เอ็มอาร์เอ็นเอรุ่นที่สอง “ไบวาเลนต์” จากการใช้งานจริงในกลุ่มประชากรกว่า 5 หมื่นคนเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19

ปรับปรุง 27/12/2565 เวลา 10.05 น.

นพ.นาบิน เค เชรสธา (Nabin K Shrestha) และทีมวิจัยแผนกโรคติดเชื้อ จากคลีฟแลนด์คลินิก ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์เพื่อการศึกษาที่ไม่แสวงหาผลกำไร ตั้งอยู่ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ได้นำเสนองานวิจัย (เตรียมตีพิมพ์ เป็นงานวิจัยใหม่ที่ยังไม่ได้รับการประเมินให้การรับรองโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ/peer review ไม่ควรใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติทางคลินิก) อาศัยข้อมูลจริง (real world data) ของการฉีด “วัคซีนเข็มกระตุ้นเอ็มอาร์เอ็นเอรุ่นที่สอง ไบวาเลนต์ (bivalent Vaccine Booster Shot)” เก็บรวบรวมจากพนักงานในวัยทำงานจำนวน 51,011 คน (อายุเฉลี่ย 42.3 ปี) ของ "คลีฟแลนด์คลินิก" ซึ่งเคยได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอรุ่นแรกและมีการติดเชื้อโควิด-19 ตามธรรมชาติมาก่อน ระหว่างเดือนธันวาคม 2563-2565 พบว่าเมื่อได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอรุ่นที่สอง ไบวาเลนต์ (bivalent Vaccine Booster Shot) เริ่มตั้งแต่ 12 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ร้อยละ 30 ในระยะเวลา 3 เดือน
(ภาพ 1)

โดยช่วงเวลาดังกล่าวรัฐโอไฮโอและรัฐใกล้เคียงมีการระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ BQ.1.1, BQ.1, BA.5, XBB, BF.7, BN.1, และ BA.2.75 โดยสัปดาห์ล่าสุดมีสายพันธุ์เหล่านี้ระบาดคิดเป็นร้อยละ 40.7, 28.9, 8.9, 6.2, 5.8, 4.2 และ 1.3 ตามลำดับ
(ภาพ 2)

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงที่ทีมวิจัยพบคือความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 กลับมีการแปรผันตรงตามจำนวนครั้งหรือโดส (dose) ของการฉีดวัคซีน (เอ็มอาร์เอ็นเอ) กล่าวคือ หากได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอจำนวนมากก่อนหน้านี้ ความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ก็จะยิ่งสูงขึ้น ผู้ที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 3 โดสขึ้นไปจะมี “ความเสี่ยง” ในการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6 เท่าเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
(ภาพ 3)

นักวิจัยคณะนี้พยายามหาคำอธิบายที่ง่ายๆ ว่าอาจเป็นไปได้ว่าผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนหลายเข็มส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโควิด-19 (จึงให้ความสำคัญเข้ามารับการฉีดวัคซีนหลายเข็ม)

งานวิจัยนี้ไม่ใช่งานวิจัยแรก (ที่แสดงให้เห็นว่าหากได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอจำนวนมากจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19) แต่ยังมีงานวิจัยก่อนหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลจากอาสาสมัครจำนวนกว่าแสนคนในประเทศกาตาร์ที่พบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ 3 โดสมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโอมิครอนซ้ำมากกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 โดส และงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งยังพบว่าการได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ 2 หรือ 3 โดสมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำสูงกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอเพียงโดสเดียว

การค้นพบเหล่านี้อาจมีส่วนชี้ให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการใช้สายพันธุ์โควิดที่จำเพาะเจาะจง (Narrow-Spectrum Anti-coronavirus Vaccines) ซ้ำจนประทับเข้าไปในความทรงจำของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Imprinted SARS-CoV-2 humoral immunity) ว่าต้องเข้าจับและทำลายสายพันธุ์นี้เท่านั้น อาจส่งผลให้ภูมิคุ้มกันที่ได้อาจด้อยประสิทธิภาพลงหากบุคคลเหล่านั้นได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster shot) ที่สร้างจากไวรัสสายพันธุ์เดิมซ้ำ และต่อมามีการติดเชื้อซ้ำ (breakthrough SARS-CoV-2 infection) ด้วยโควิดสายพันธุ์อุบัติใหม่ที่มีการกลายพันธุ์แตกต่างออกไป (จากสายพันธุ์ที่ใช้เป็นต้นแบบในการสร้างวัคซีน)

การค้นพบนี้ไม่ได้บั่นทอนประโยชน์ของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม 608 แต่กลับเป็นตัวเร่งให้ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกตระหนักและให้ความสนใจศึกษาระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์เมื่อได้รับการกระตุ้นจากวัคซีนหรือจากการติดเชื้อตามธรรมชาติที่มีความซับซ้อนให้รอบด้าน ครบทุกมิติ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในการบริหารจัดการชนิดของวัคซีน จำนวนครั้ง (โดส) ของการฉีดวัคซีน รวมทั้งระยะห่างของการฉีด อีกทั้งยังจะเป็นตัวเร่งการพัฒนาวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อที่ครอบคลุมสายพันธุ์ดั้งเดิม สายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบัน และสายพันธุ์ใหม่ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคต (Broad-Spectrum Anti-coronavirus Vaccines) เพื่อให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนได้รับประสิทธิผลของวัคซีนแต่ละประเภทในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สูงสุด

ท้ายสุดต้องไม่ลืมว่า “ความเสี่ยง” ของการติดเชื้ออย่างรุนแรงหรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตด้วยโควิด-19 ทั่วโลกลดลงอย่างมากก็ด้วยการฉีดวัคซีน”

คลิกโพสต์ต้นฉบับ


กำลังโหลดความคิดเห็น