ชาวเน็ตนับหมื่นแห่แชร์และให้กำลังใจอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งเฟซบุ๊กเพจ "สู้ดิวะ" บอกเล่าเรื่องราวเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายในวัย 28 ปี ทั้งที่ดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ขณะที่ยอดผู้ติดตามเพจทะลุหลักแสนคน
วันนี้ (11 พ.ย.) บนโซเชียลฯ แชร์เรื่องราวจากเฟซบุ๊กเพจ "สู้ดิวะ" ซึ่งสร้างเพจเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยอาจารย์ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งมีชาวเน็ตแห่ออกมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
โดยโพสต์แรกสาระสำคัญโดยสรุปก็คือ เป็นการแนะนำตัวและชีวิตครอบครัว ศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น 131 สอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่น 56 เมื่อสำเร็จการศึกษาได้เรียนแพทย์เฉพาะทางต่ออีก 3 ปี โดยเลือกสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว เป็นแพทย์ใช้ทุนร่วมกับเรียนต่อเฉพาะทางที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ระหว่างนั้นได้ศึกษาต่อในสาขาระบาดวิทยาคลินิก พร้อมกับเรียนปริญญาโท วิทยาการข้อมูล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผ่านไป 3 ปี จบแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัว และปริญญาโทวิทยาการข้อมูล ได้บรรจุเป็นอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ผ่านมา ชอบออกกำลังกายมาก เป็นนักกีฬา เข้ายิม ดูแลสุขภาพอย่างดี ให้ความสำคัญต่ออาหารและการนอนหลับ กำลังจะแต่งงาน ซื้อบ้าน แต่กลับพบว่าตนเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
อ่านโพสต์ คลิกที่นี่
โพสต์ที่สอง ได้เผยแพร่ผลเอกซเรย์ปอด เปรียบเทียบระหว่างปี 2562 กับ 2565 พบว่าปอดด้านขวาหายไปครึ่งหนึ่ง มีก้อนขนาดใหญ่ถึง 8 เซนติเมตร และมีน้ำในปอดร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีก้อนเล็กๆ ในปอดด้านซ้ายอีกหลายก้อน และด้านขวาบนเช่นกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไปเล่นบาสเกตบอลได้ แม้ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาความฟิตลดลงก็ตาม โดยพบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลาม
อ่านโพสต์ คลิกที่นี่
โพสต์ที่สาม สาระสำคัญโดยสรุปก็คือ ตนเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลาม ไม่สามารถผ่าตัดเอาก้อนออกแล้วหายขาด ซึ่งตนสงสัยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะดูแลสุขภาพสม่ำเสมอ แต่พบว่ามีอาการไอ ทั้งไอแบบมีเสมหะและไอแห้ง แม้จะตรวจโควิด-19 ก็ไม่พบเชื้อ จึงเริ่มรักษาอาการกรดไหลย้อนก่อน ระหว่างนี้สามารถเล่นกีฬาได้ตามปกติ ทำงาน ใช้ชีวิตได้ตามปกติ กระทั่งเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีตารางงาน จึงได้ไปตรวจสุขภาพ พบว่าฟิล์มที่ปอดข้างขวาเหลืออยู่ครึ่งเดียว ลักษณะเหมือนมีก้อนกับน้ำอยู่ในปอดด้านขวา และปอดด้านซ้ายก็มีก้อนเล็กๆ เต็มไปหมด
หลังจากผ่านการตรวจทุกอย่างมาแล้ว ทั้งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ผ่าตัดเพื่อนำชิ้นเนื้อมาตรวจ ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมอง พบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย โดยตัวก้อนหลักขนาดเกือบ 8 เซนติเมตร ที่ปอดด้านขวา นอกจากนี้ ตัวมะเร็งยังมีการกระจายไปที่เยื่อหุ้มปอด และปอดข้างซ้ายอีกหลายจุด และกระจายไปที่สมองถึง 6 ก้อนด้วยกัน แต่ละก้อนมีขนาดใหญ่ โชคดีที่ไม่มีอาการทางสมอง พร้อมกันนี้ได้ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ความช่วยเหลือ ทั้งการผ่าตัด การได้รับ chemotherapy Immunotherapy และได้รับการฉายแสงที่ศีรษะทันทีที่เจอก้อน
นอกจากนี้ ตนยังโชคดีที่ได้ทำประกันสุขภาพโรคร้ายแรงไว้ จากที่คิดว่าจะผ่าไส้ติ่งที่โรงพยาบาลเอกชน แต่ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการสืบค้นข้อมูล เนื่องจากอายุยังน้อย ซึ่งแนะนำว่าทุกคนมีโอกาสเป็นได้ เพราะโลกไม่ปกติ ทั้งมลภาวะ อากาศ น้ำ รังสีต่างๆ ยีนส์พร้อมกลายพันธุ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตระหนักว่า แท้จริงแล้วมนุษย์เราเปราะบาง แผนชีวิตที่วางมาทั้งหมดพังลงต่อหน้าต่อตา กลายเป็นคนที่มีเวลาชีวิตจำกัดขึ้นมาทันที อาจจะหลักเดือน 6 เดือน 1 ปี 2 ปี ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะ 5 ปี ทำได้แค่ภาวนาให้ยาตอบสนอง ให้โรคสงบ ให้ไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น และมีชีวิตปกติ
อย่างไรก็ตาม ตนไม่เสียดายชีวิตที่ผ่านมา เพราะมีช่วงชีวิตที่ผ่านมาที่ดี ไม่มีอะไรเสียใจ ซึ่งการเป็นมะเร็งในครั้งนี้ ตนจะฝากบางอย่างไว้ให้กับโลก ถ่ายทอดสิ่งที่ตนได้ตกตะกอนมาตลอดชีวิต สิ่งที่ได้เรียนรู้ มุมมองการใช้ชีวิต ความเชื่อ ความฝัน ความประทับใจ รวมถึงเรื่องราวที่อยากจะฝากไว้กับโลกนี้ ทั้งช่วงอารมณ์อ่อนไหว และเข้มแข็ง เผื่อถ้าวันหนึ่งตนไม่อยู่แล้ว ตัวตนจะยังอยู่ตลอดไป และเป็นเรื่องที่ดีถ้าชีวิตที่สั้นลงสามารถเป็นกำลังใจ เป็นพลังให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อ จึงเป็นที่มาที่ตนและเพื่อนตั้งใจที่จะสร้างเพจนี้ขึ้นมาเพื่อส่งต่อสิ่งเหล่านี้
อ่านโพสต์ คลิกที่นี่
ด้านชาวเน็ตต่างให้กำลังใจ นพ.กฤตไท นับหมื่นความเห็น โดยขอให้เข้มแข็ง ให้หายจากโรคร้าย เชื่อว่าจะต้องผ่านไปได้ ขอให้ดีขึ้นและหายจากโรคภัย และยังมีชาวเน็ตแชร์เรื่องราวนี้อีกกว่า 6 หมื่นครั้ง อีกด้านหนึ่งพบว่า ณ เวลา 01.45 น. เพจ "สู้ดิวะ" มีผู้กดถูกใจเพจ 103,235 คน และผู้ติดตามเพจ 116,019 คน