xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : ดารุมะ บุฟเฟต์แซลมอนทิพย์ | สุนทรสิ้นลายคดีรุกป่าเขาใหญ่ | เตามหาเศรษฐี ฉันนะสิ ฉันนะสิ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

(สรุปข่าวประจำวันที่ 19 - 24 มิ.ย. 2565)


อันดับ 1 : ดารุมะ บุฟเฟต์แซลมอนทิพย์ ปิดทุกสาขา คูปองติดดอย คนซื้อแฟรนไชส์เจ๊ง เจ้าของหนีไปสหรัฐฯ แต่ก็ทนไม่ไหว

สั่นสะเทือนคอบุฟเฟต์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ร้านดารุมะซูชิ ที่ขึ้นชื่อเรื่องบุฟเฟต์แซลมอน มี 27 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลปิดให้บริการพร้อมกัน โดยอ้างว่าระบบขัดข้อง ก่อนพบว่านายเมธา ชลิงสุข อายุ 39 ปี กรรมการบริษัท ดารุมะ ซูชิ จะออกจากไลน์กลุ่มตั้งแต่คืนวันที่ 16 มิ.ย. และขาดการติดต่อ สร้างความเสียหายตั้งแต่ลูกค้าที่ซื้อคูปองราคา 199 บาท กว่า 3 หมื่นราย รวมกว่า 27 ล้านบาท ผู้ซื้อแฟรนไชส์สาขาละ 2.5 ล้านบาท รวมกว่า 17.5 ล้านบาท พนักงานที่ถูกลอยแพ และผู้ค้าวัตถุดิบที่ค้างชำระ แห่เข้าแจ้งความต่อตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)

ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ตำรวจจับกุมนายเมธาได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามหมายจับข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังกลับจากสหรัฐอเมริกา ต่อเครื่องที่ไต้หวัน พร้อมของกลางเงินสดกว่า 20,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 7 แสนบาท เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างว่าบริษัทขาดสภาพคล่อง จึงขายคูปอง 199 บาท แต่ไปต่อไม่ได้ ถูกทวงหนี้กว่า 100 ล้านบาท จึงหลบหนีไปตั้งหลักที่สหรัฐอเมริกา ต่อเครื่องที่ดูไบไปลงนิวยอร์ค แต่เมื่อทราบข่าวถูกกดดันอย่างหนัก จึงกลับมาสู้คดี ต่อมาวันที่ 23 มิ.ย. ตำรวจนำตัวนายเมธาฝากขังต่อศาลอาญา คัดค้านการประกันตัว ก่อนส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ บก.ปคบ. รับผิดชอบคดีทั้งหมด ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความ ขอให้ดำเนินการภายในวันที่ 10 ก.ค. เพื่อให้ทันส่งสำนวนไปยังอัยการ สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลข 065-965-1135


อันดับ 2 : สุนทรสิ้นลายคดีรุกป่าเขาใหญ่ ให้ประกัน 6 แสน-ห้ามไปนอก อ้างแบคโฮนอกรั้ว ด้าน มท.แจงให้ปลดเร็วเกินไป

หลังสังคมกังขากรณีที่ตำรวจคว้าน้ำเหลวจับกุมนายสุนทร วิลาวัลย์ อายุ 83 ปี นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาคดีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐ ออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย บุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่ง จ.ปราจีนบุรี กว่า 150 ไร่ คดีหมดอายุความเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบฯ ภาค 2 ออกหมายจับใบใหม่ โดยไม่นับช่วงที่หลบหนีไปในอายุความไปแล้วนั้น ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ตำรวจ บก.ปปป. จับกุมนายสุนทรได้ที่ จ.ระยอง บันทึกจับกุมที่ สภ.เมืองระยอง ส่งให้อัยการฟ้องศาล ก่อนที่ศาลประทับรับฟ้องและให้ปล่อยตัวชั่วคราววงเงิน 6 แสนบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ

ต่อมาวันที่ 23 มิ.ย. นายสุนทร เปิดบ้านพักแถลงข่าว ยืนยันไม่เคยใช้อิทธิพลออกเอกสารสิทธิ หรือโยนความผิดให้ลูกน้องรับแทน ที่ดินบริเวณตีนเขาใหญ่ไม่ได้บุกรุก มีเอกสารทำกินครอบครองอยู่ก่อนแล้ว แต่อ้างว่ามีรถแบคโฮเข้าปรับพื้นที่นอกรั้ว ส่วนที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอาจจะมาจากเรื่องการเมือง เพราะตนอยู่สังกัดพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า การปลดนายสุนทรออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรีถือว่าเร็วเกินไป เนื่องจากมีขั้นตอนของกฎหมาย แต่หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ก็กำชับให้จังหวัดเร่งสอบสวนให้แล้วเสร็จ เพื่อส่งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทยต่อไป

อนึ่ง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 นัดสอบคำให้การจำเลย ทั้งนายสุนทร และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ในวันที่ 5 ส.ค.65 เวลา 09.30 น. 


อันดับ 3 : เตามหาเศรษฐี ฉันนะสิ ฉันนะสิ ชาวเน็ตทัวร์ลงด่ากระทรวงพลังงาน ร้อนจี๋มณีจ๋า แบบไฟต้องแรงอุณหภูมิต้องได้

ขณะที่ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส จากวิกฤตราคาพลังงาน ปรากฎว่าวันที่ 21 มิ.ย. กระทรวงพลังงานแชร์โพสต์จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน แนะนำเตาซูเปอร์อั้งโล่ หรือเรียกว่า เตามหาเศรษฐี พัฒนาขึ้นมาทดแทนเตาอั้งโล่ตามท้องตลาดทั่วไป ให้ความร้อนมากกว่าถึง 29% ประหยัดไม้ฟืนและถ่านที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ถึง 500-600 บาทต่อครัวเรือนต่อปี และช่วยลดการใช้แก๊ส LPG ในครัวเรือน ทำเอาชาวเน็ตเดือดไม่พอใจอย่างหนัก ทั้งโวยรัฐบาลผลักภาระให้ประชาชน อยู่คอนโดมิเนียมไม่สะดวกที่จะใช้ ควบคุมอุณหภูมิได้ยาก แถมยังจะเกิดฝุ่นละออง PM2.5 อีกทั้งมีข่าวว่าถ่านจะขึ้นราคาอีก

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน คัดค้านเตามหาเศรษฐี แม้ช่วยประหยัดใช้แก๊ส แต่ต้นไม้ต้องถูกตัดมาทำถ่านฟืนมากขึ้น ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กังขาทำไมไม่ชี้แจงโครงสร้างราคาน้ำมัน จะได้เข้าใจและกลับไปใช้เตาอั้งโล่มหาเศรษฐี ร้อนถึง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ชี้แจงว่า เป็นการสื่อสารของคนชุมชนเมือง แต่นำมาเผยแพร่ซ้ำเพราะวิถีชนบทยังมีการใช้งานอยู่จำนวนมาก ไม่ได้หมายความว่าจะนำมาทดแทนก๊าซหุงต้ม ส่วนปัญหาราคาน้ำมันแพง มีประเทศอื่นแพงกว่าไทย แต่รัฐบาลพยายามประคับประคองค่าครองชีพ


อันดับ 4 : ค่ากลั่นน้ำมันเกมการเมือง กรณ์บี้จุรินทร์สินค้าควบคุม เจอโต้หาเสียงต้องรับผิดชอบ ครม.เคาะ 6 มาตรการพลังงาน

กรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดประเด็นค่ากลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังราคาน้ำมันสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลมีมติเก็บกำไรโรงกลั่นและโรงแยกก๊าซ 8 พันล้านบาทต่อเดือน ลดภาระเบนซิน 1 บาทต่อลิตร และอุดหนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมัน สัปดาห์นี้นายกรณ์เสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏฺ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ใช้อำนาจที่มีนำค่ากลั่นน้ำมันเป็นสินค้าควบคุม จะทำให้ราคาน้ำมันลดทันที 4 บาทต่อลิตร ทำให้นายจุรินทร์โต้กลับไปว่า จะหาเสียงต้องมีความรับผิดชอบ ก่อนพูดก็ต้องรู้จริงในสิ่งที่พูด เพราะค่ากลั่นน้ำมันเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์

ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ระบุว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะตัวเลขค่าการกลั่นของนายกรณ์กับกระทรวงพลังงานและโรงกลั่นไม่ตรงกัน เตรียมเรียกมาชี้แจงทำความเข้าใจ

ขณะที่การประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. เห็นชอบมาตรการ อาทิ 1. ตรึงราคาเอ็นจีวี 15.59 บาท/กก. ส่วนแท็กซี่โครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน 13.62 บาท/กก. เป็นเวลา 3 เดือน สิ้นสุด 15 ก.ย. 2. กำหนดกรอบราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม 15 กก. 408 บาท 3 เดือน 3. ขยายเวลาให้ส่วนลดร้านค้า แผงลอยซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาท/เดือน 3 เดือน ให้ส่วนลดผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาทต่อราย 3 เดือน 4.อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล 50% หากราคาขายสูงกว่า 35 บาทต่อลิตรต่อไปอีก 3 เดือน 5. คงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร 6. ดึงกำไรจากโรงกลั่นน้ำมันส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำมัน 3 เดือน


อันดับ 5 : ใบสั่งไม่จ่ายเจอหมายจับ ตำรวจนครบาลเอาจริงย้อนหลัง 1 ปี คนใช้รถวิจารณ์ยับ นักการเมืองโวยรีดเลือดกับปู

เรียกเสียงฮือฮาแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน เมื่อ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ประกาศใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมาย กรณีประชาชนไม่มาชำระค่าปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มีผลตั้งแต่ 20 มิ.ย. สาระสำคัญคือ เมื่อตำรวจออกใบสั่งแล้ว ถ้าไม่ไปเสียค่าปรับ จะออกจดหมายเตือน ถ้าไม่มาก็จะแจ้งความแล้วออกหมายเรียก 2 ครั้ง ถ้าไม่มาอีกจะเสนอศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับต่อไป เนื่องจากที่ผ่านมามีประชาชนไม่มาชำระค่าปรับ บางคนมีใบสั่งมากถึง 59 ใบ โดยจะดูใบสั่งย้อนหลัง 1 ปี ที่ยังไม่ขาดอายุความ และจำนวนการกระทำความผิด

มาตรการดังกล่าวเรียกเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้รถใช้ถนน รวมทั้งนักกฎหมายที่มองว่าเป็นคดีลหุโทษ จะเป็นภาระศาล นักการเมืองบางคนโจมตีว่าช่วงนี้ประชาชนไม่มีรายได้ มีแต่หนี้สิน เป็นการรีดเลือดกับปู ร้อนถึง พล.ต.ต.จิรสันต์ ต้องออกมาชี้แจงว่าประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อลดความสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และสร้างวินัยจราจรให้แก่ผู้ขับขี่เท่านั้น ต่อมาย้ำอีกว่า การดำเนินการเป็นไปตามหลักของกฎหมาย ที่ผ่านมามีการดำเนินคดี และศาลพิพากษาไปหลายรายแล้วแต่ไม่เป็นข่าว อีกทั้งไม่ได้มุ่งหวังเงินค่าปรับแต่อย่างใด ยอมโดนด่าแลกกับรักษาชีวิตประชาชนถือว่าคุ้มค่า


อันดับ 6 : คดีสะเทือนขวัญ ตำรวจปืนโหดยิงเมีย ก่อนยิงลูกสาว แล้วยิงตัวตายตาม คาบ้านพักย่านทุ่งครุ สาเหตุปมหึงหวง

คดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 20 มิ.ย. ตำรวจ สน.ทุ่งครุ รับแจ้งเหตุยิงกันตายในบ้านหลังหนึ่ง ซอยประชาอุทิศ 54 แยก 8 แขวงและเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ พบรถเบนซ์ อี 220 CDI สีดำ จอดชิดกำแพงบ้าน ภายในรถมีคราบเลือดจำนวนมาก เมื่อเข้าไปในบ้านพบศพ ร.ต.ท.พงศ์ภรณ์ ทวีแก้ว อายุ 57 ปี สารวัตรกองกำกับการสืบสวนนครบาล 8 นอนตะแคงจมกองเลือด ใกล้กันพบศพ น.ส.เบญจวรรณ์ วุฒิสาร อายุ 39 ปี ภรรยา อีกด้านหนึ่งพบศพ ด.ญ.ฉันทพิทยา ทวีแก้ว 14 ปี ส่วนลูกชายที่เกิดกับภรรยาคนก่อน วิ่งขอความช่วยเหลือกับบุรุษพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข 59 แต่ช่วยชีวิตทั้งสามไว้ไม่ทัน

สอบสวนทราบว่า ร.ต.ท.พงศ์ภรณ์ เคยมีภรรยามาแล้ว 2 คน แต่เลิกรากันไป มีลูกติด 1 คน อยู่กินกับ น.ส.เบญจวรรณ์ มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.ท.พงศ์ภรณ์ พา น.ส.เบญจวรรณ์ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเอารถเบนซ์ที่บ้านพี่สาวในซอยประชาอุทิศ 71 ขากลับมีปากเสียงอย่างรุนแรง ก่อนที่ ร.ต.ท.พงศ์ภรณ์ จะยิง น.ส.เบญจวรรณ์ เสียชีวิตภายในรถ จากนั้นอุ้มศพเข้าไปในบ้าน แล้วยิง ด.ญ.ฉันทพิทยา เสียชีวิตตามกันไปอีกคน สาเหตุเกิดจากความหึงหวง เพราะก่อนเกิดเหตุ 2 วัน มีเหตุทะเลาะกัน น.ส.เบญจวรรณ์ต้องหนีไปอยู่บ้านเพื่อน แล้ว ร.ต.ท.พงศ์ภรณ์ ไปตามง้อกลับมา ก่อนที่จะเกิดเหตุสลดดังกล่าว


อันดับ 7 : เครียดคริปโตเจ๊ง เงินเก็บร่อยหรอ ควบฮอนด้าเวฟบุกเดี่ยว จี้ชิงทรัพย์ร้านทองย่านวังบูรพา แต่ไปไม่รอดถูกจับ

วัยรุ่นสร้างตัว ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี่ แต่ขาดทุนต้องชิงทรัพย์ร้านทองครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 18 มิ.ย. คนร้ายทราบชื่อคือนายมนตรี สังข์มี อายุ 34 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นยาพาหนะ สะพายกระเป๋าเป้บุกเดี่ยวเข้าไปในห้างทองบ้วนหลี (ชมพู) ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ได้สร้อยคอทองคำกว่า 30 เส้น มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท แล้วหลบหนี ตำรวจนครบาลแกะรอย 11 ชั่วโมง กระทั่งจับกุมนายมนตรีได้ที่ปากซอยเจริญนคร 34 แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา

สอบสวนนายมนตรีให้การว่า เอาเงินไปลงทุนซื้อคริปโตเคอเรนซี่ที่ชื่อว่าบิตคอยน์ (Bitcoin) แต่ขาดทุนอย่างหนัก (ขณะนั้นราคาต่ำกว่า 18,000 เหรียญสหรัฐฯ) อีกทั้งมีเงินเหลือเก็บในบัญชีเพียงเล็กน้อย จึงเกิดความเครียด ตัดสินใจจี้ชิงทรัพย์ร้านทอง โดยจอดรถจักรยานยนต์เตรียมไว้ที่ฝั่งตรงข้ามก่อนเข้าไปก่อเหตุ เสร็จแล้วนำรถจักรยานยนต์ไปซ่อนไว้ในซอยสมเด็จเจ้าพระยา 7 แล้วหลบหนีกลับมาที่บ้านพักภายในซอยเจริญนคร 34 แต่สุดท้ายตำรวจจับกุมได้ เบื้องต้นแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดฯ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ดำเนินคดีต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น