xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : สลากดิจิทัลสู้หวยแพง | มงคลกิตติ์ขู่กระทืบทนายเดชา | หมามะเร็งขอยุติ เดินต่อไม่ไหวแล้ว (ซ้ำๆ)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

(สรุปข่าวประจำวันที่ 29 พ.ค. - 4 มิ.ย. 2565)


อันดับ 1 : สลากดิจิทัลสู้หวยแพง สำนักงานสลากฯ ทำเอง คนซื้อเป็นล้านยอดขายทะลุ 4 ล้าน งานนี้แพลตฟอร์มอื่นหวั่นไหว

ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของนักเสี่ยงโชค เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดจำหน่ายสลากงวดประจำวันที่ 16 มิ.ย. ผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า สลากดิจิทัล (Digital Lottery) บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ให้ประชาชนได้ซื้อสลากในราคา 80 บาท แต่ต้องชำระผ่าน G-Wallet เท่านั้น โดยตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล 10,258 ราย จะส่งมอบสลากให้สำนักงานสลากฯ ไปสแกนภาพลงในแพลตฟอร์ม และจัดเก็บไว้ถึงงวดถัดไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ปรากฎว่าผ่านไป 3 วัน ณ วันที่ 4 มิ.ย. มีผู้ซื้อสลาก 1,027,843 คน ยอดจำหน่ายสลากสูงถึง 4,273,291 ใบ จากทั้งหมด 5,279,500 ฉบับ

นายลวรณ แสงสนิท ประธานบอร์ดสำนักงานสลากฯ ระบุว่า สลากดิจิทัลได้รับผลตอบรับดีเกินคาด แต่การเพิ่มจำนวนสลากต้องประเมินก่อน นอกจากนี้ยังมีโครงการ "สลาก 80" ที่จะเพิ่มจุดจำหน่ายทั่วประเทศภายในเดือน ก.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม สลากดิจิทัลสั่นสะเทือนไปถึงแพลตฟอร์มของเอกชน เช่น นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ชี้ว่าธนาคารกรุงไทยได้ประโยชน์จากผู้ที่ถูกรางวัล คิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม 1% ส่วนนายพชรล์ เมสสิยาห์พร ผู้บริหารมังกรฟ้า ระบุว่า ขอรอดูสลากดิจิทัลจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ถ้าขายไม่ดีจะกลับมาเปิด 1 ก.ค. แต่ถ้าขายดีจะต้องวางแผนต่อไป ยังไม่ลาวงการแน่นอน

อนึ่ง ต้นทุนสลากอยู่ที่ใบละ 70.40 บาท สำนักงานสลากฯ จัดสรรโควตา 100 ล้านฉบับต่องวด แบ่งเป็นระบบตัวแทนจำหน่าย 31 ล้านฉบับ ระบบซื้อ-จองล่วงหน้า 69 ล้านฉบับ ปัญหาสลากแพง ส่วนหนึ่งเพราะถูกรวบรวมไปยังยี่ปั๊วแล้วขายบวกราคากัน


อันดับ 2 : มงคลกิตติ์ขู่กระทืบทนายเดชา ขู่ปล่อย 3 จังหวัดชายแดนใต้ ผวาแจ้งกองปราบฯ แท็คทีมทนายยื่นสอบจริยธรรม

ยังไม่จบสำหรับคดีการเสียชีวิตของนักแสดง แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ หลังนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มอบหมายให้นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ และชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ช่วยทำคดี ปรากฎว่าเกิดเรื่องวุ่น เมื่อนายเดชา กิตติวิทยานันท์ อดีตทนายความแม่แตงโม เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบปราม เมื่อวันที่ 30 พ.ค. หลังถูกนายมงคลกิตติ์โทรศัพท์ข่มขู่ทำนองว่าจะส่งคนมากระทืบ รวมทั้งจะนำไปปล่อยที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ด้านนายมงคลกิตติ์อ้างว่าหยอกล้อกัน ที่ใช้คำไม่สุภาพในฐานะเพื่อน โต้กลับทนายเดชาว่า การเอาคลิปเสียงไปแจ้งความ มีความผิดฐานดักฟังโทรศัพท์

ต่อมาวันที่ 1 มิ.ย. สามทนายอย่าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม, นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ และนายรัชพล ศิริสาคร ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สอบจริยธรรมนายมงคลกิตติ์ ส่วนนายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรคไทยศรีวิไลย์ แจ้งความ สภ.เมืองมหาสารคาม ดำเนินคดีทนายเดชา ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา วันที่ 2 มิ.ย. นายเดชา ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. สอบจริยธรรมของนายมงคลกิตติ์อีกทาง ทำให้นายมงคลกิตติ์ประกาศแสดงความบริสุทธิ์ใจ ช่วยเหลือคดีแตงโม ดึงบัตร ส.ส.ออกจากเสื้อสูท ลั่นหากผิดจริงไม่ต้องมาตัดสิน จะลาออกด้วยตนเอง


อันดับ 3 : หมามะเร็ง ขอยุติเดินต่อไม่ไหวแล้ว (ซ้ำๆ) แฉซื้อบูสต์โพสต์ ชาวเน็ตกังขา อ้างยอดบริจาคไม่มีแต่ชีวิตหรู

กลายเป็นประเด็นที่โลกโซเชียลฯ จับตามอง สำหรับเฟซบุ๊กเพจที่ชื่อว่า "หมามะเร็ง Dogs Cancer" ที่พบว่ามักจะโพสต์ข้อความทำนองว่า เพจไม่รอดแล้ว ไม่ไหวจริงๆ ยอดบริจาคแทบไม่มี ขอยุติเดินต่อไม่ไหวแล้ว ถึงจุดวิกฤตสุดแล้ว หากไร้ยอดบริจาคต้องหยุดรับเคส เพื่อเชิญชวนให้ผู้ใจบุญบริจาค หนึ่งในนั้นคือนักแสดง ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ บริจาคไป 5 หมื่นบาท แต่ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีการโพสต์และซื้อบูสต์โฆษณาบ่อยครั้ง อีกทั้งตั้งข้อสังเกตถึงใบเสร็จค่ารักษาของโรงพยาบาลสัตว์ แต่ที่ฮือฮาก็คือ มีเพจสายดาร์คแฉว่าเจ้าของเพจมีชีวิตหรูหรา มีรถยนต์ราคาแพง มีธุรกิจเป็นของตัวเอง สงสัยว่าได้เงินมาจากไหน

ด้านนายยศวัฒน์ ภูวรัตน์เลิศคุณ นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ลงพื้นที่สถานพักพิงและเลี้ยงดูสุนัขของเพจหมามะเร็ง พบว่าไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้ง และไม่ผ่านมาตรฐาน จึงประสานให้เจ้าของเพจนำหลักฐานเข้าชี้แจง อย่างไรก็ตาม น.ส.กิ่งวราภร ศาลาประทีป หรือหนูนา เจ้าของเพจหมามะเร็ง ชี้แจงผ่านรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งว่า ปัจจุบันมียอดเงินบริจาคประมาณ 1.8 ล้านบาท ยอมรับว่าเปิดบัญชีขอรับบริจาค ให้ที่พักพิงแก่สัตว์โดยไม่ได้ขออนุญาต และลงโฆษณาเฟซบุ๊กหลักแสนบาทจริง ยืนยันว่าไม่ยุติ เดินหน้าทำเพจต่อ และไม่จำเป็นต้องแจงยอดบริจาค ส่วนใครบอกให้หยุดก็รับสุนัขไปดูแลด้วย


อันดับ 4 : ชัชชาติรับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. แฟนคลับโทร.จี้ กกต. พบผู้ช่วยเลขาฯ โดนปรับปั่นหุ้น แต่บอกเป็นเรื่องเข้าใจผิด

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนน 1,386,215 คะแนน ปรากฎว่าต้นสัปดาห์เมื่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรองผล เพราะติดเรื่องร้องเรียนจากนายศรีสุวรรณ จรรยา 2 เรื่อง คือประเด็นไม่เก็บป้ายหาเสียง และพูดในลักษณะดูถูกระบบราชการ ทำให้แฟนคลับนายชัชชาติโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1444 ถามว่าเมื่อไหร่จะรับรองผลจนสายไหม้ ในที่สุด กกต. ได้รับรองนายชัชชาติไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ส่วนแฟนคลับนายชัชชาติล่ารายชื่อขับไล่นายศรีสุวรรณ อ้างว่าขัดขวางความเจริญ สร้างความแตกแยก

ต่อมาได้แต่งตั้งรองผู้ว่าฯ กทม. 4 คน อาทิ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม, รศ.วิษณุ ทรัพย์สมผล, ผศ.ทวิดา กมลเวชช, นายศานนท์ หวังสร้างบุญ แต่งตั้งคณะที่ปรึกษา 9 ราย หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งนายภิมุข สิมะโรจน์ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย เป็นเลขานุการผู้ว่าฯ แต่พบว่า น.ส.ศนิ จิวจินดา ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ เคยถูก ก.ล.ต.ลงโทษฐานปั่นหุ้นเกียรติธนาขนส่ง สั่งปรับ 7,746,735 บาท นายชัชชาติชี้แจงว่า เป็นเรื่องเมื่อปี 2557 โดนปรับไปแล้ว เจ้าตัวอ้างว่าผิดพลาดเข้าใจผิดซื้อขายหุ้น ตำแหน่งนี้ไม่เกี่ยวกับการเงิน เกี่ยวกับเอกสาร ประสานงาน มั่นใจว่าทำงานได้ไม่มีปัญหา

หมายเหตุ : ไม่เห็นด้วย 2 เสียงใช้วิธีขานชื่อลงคะแนน
อันดับ 5 : รัฐบาลบิ๊กตู่ฉลุย 278 ต่อ 194 เสียง วาระแรกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 เพื่อไทยดีด 7 งูเห่าออกจากไลน์กลุ่ม

การประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท วาระแรก หลังเปิดฉากจากฝ่ายค้านด้วยสารพัดฉายา ตั้งแต่งบขอทานจัดงานวันเกิด งบช้างป่วย งบขูดรีดประชาชน ฯลฯ พร้อมโหวตคว่ำร่างฯ หวังโค่นล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่การอภิปรายที่ผ่านมาไม่มีอะไรโดดเด่น ขณะที่นายกรัฐมนตรีงัดเรื่องหนี้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ้างว่าใช้หนี้ไปแล้ว 7.8 แสนล้านบาท เหลือเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 3 แสนล้านบาท นำไปใช้ประโยชน์ได้เยอะ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์โต้กลับ ถามว่าหนี้สาธารณะสูงขึ้น เพราะโครงการรับจำนำข้าว หรือรัฐบาลบริหารไม่เป็น

อย่างไรก็ตาม ผลการลงมติวาระแรก พบว่ารับหลักการ 278 ต่อ 194 เสียง ฝ่ายรับหลักการประกอบด้วย ส.ส.พรรครัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ที่น่าสังเกตคือ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย 16 เสียง ซึ่งเป็นของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เป็นคู่ปรับกับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็โหวตสนับสนุน ที่ฮือฮาก็คือ ส.ส.พรรคเพื่อไทย 7 คน ซึ่งส่วนหนึ่งจะย้ายค่ายไปพรรคภูมิใจไทย ก็โหวตสนับสนุน ทำให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สั่งให้ 7 ส.ส.ดีดออกจากไลน์กลุ่ม ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 15 มิ.ย.นี้


อันดับ 6 : สั่นสะเทือนวงการดนตรี ชาวเน็ตแบน Gym and swim และ Wave And So ด้อยค่าศิลปินอื่นถึงขั้นเหยียดเพศ

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลฯ เมื่อแฮชแท็ก #แบนgymandswim และ #แบนWaveandso ติดเทรนด์ทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. สาเหตุเกิดจาก เติร์ก-นิติกฤษณ์ อรรถกฤษณ์ มือกีตาร์วง Gym and swim วิจารณ์ บิวกิ้น-พีพี (บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) ที่จะขึ้นโชว์ในงานคอนเสิร์ต Summer Sonic 2022 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และคอมเมนต์บนเฟซบุ๊กของ โอ๊ต-นิพัฒน์ ศรีสวัสดิ์ นักร้องนำวง Wave And So ในลักษณะด้อยค่าศิลปิน ถึงขั้นเหยียดเพศ อีกทั้งยังพาดพิงไปถึงศิลปินคนอื่น เช่น นุ๊ก-ปาย ทำให้ชาวเน็ตที่เป็นแฟนคลับรับไม่ได้ แคปหน้าจอแล้วรุมประณามจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังขุดทวิตเก่าของเติร์ก ในลักษณะหวาดกลัวเพศที่สาม คุกคามทางเพศดารา นักร้อง ทั้งไทย เกาหลี และพาดพิงศิลปินทั้ง Coldplay, BTS รวมทั้งแร็ปเปอร์สาวมิลลิ ต่อมาค่ายปริณามมิวสิค ต้นสังกัดของวง Gym and swim ประกาศขออภัย สั่งพักงานวง 6 เดือน ส่วนสมาชิกที่คอมเมนต์ไม่เหมาะสมให้พักงานอย่างไม่มีกำหนด กระทั่งนักร้องนำ เฉลิม-เฉลิมพล สูงศักดิ์ ประกาศลาออกจากวงเพื่อแสดงความรับผิดชอบ แม้จะคนละคนกับคนต้นเรื่องก็ตาม ส่วนเติร์กโพสต์ข้อความยอมรับว่าใช้คำไม่เหมาะสม ขออภัยและน้อมรับคำติ ขณะที่โอ๊ตก็ขอโทษเช่นกัน อ้างว่าอยากให้มีพื้นที่ศิลปินเล็กๆ แต่ใช้คำพูดไม่ระวัง


อันดับ 7 : กฎหมาย PDPA ทำวุ่น ถ่ายรูปไม่ติดคนอื่น เบลอหน้าคนอื่น ติดป้ายเตือนกล้องวงจรปิด ภาครัฐเบรกไม่ถึงขนาดนั้น

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ปี 2562 หรือกฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) มีผลบังคับใช้ โดยให้องค์กรหรือหน่วยงานที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน หรือหน่วยงานภาครัฐ ต้องไม่นำเอาข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ โดยที่ไม่ยินยอม เพื่อไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และเพื่อให้มีมาตรการเยียวยาเจ้าของข้อมูลในกรณีที่ถูกละเมิด ปรากฎว่าถูกสังคมตีความคลาดเคลื่อน อาทิ ต้องถ่ายรูปโดยไม่ติดคนอื่น ต้องเบลอหน้าคนอื่น กล้องวงจรปิดติดไว้ที่บ้านต้องมีป้ายแจ้งเตือน กลายเป็นว่าบนโซเชียลฯ เกิดความวุ่นวายแล้วถูกวิจารณ์จำนวนมาก

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ชี้แจงว่า การถ่ายรูป-ถ่ายคลิปโดยติดบุคคลอื่น หากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ไม่มีเจตนา ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหายสามารถทำได้, การโพสต์ภาพและคลิปลงโซเชียลฯ หากเป็นวัตถุประสงค์ส่วนตัว ไม่ใช้แสวงหากำไรทางการค้า ไม่เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นสามารถทำได้, การติดกล้องวงจรปิดภายในบ้าน หากเพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือน, หากการนำข้อมูลไปใช้ทำตามสัญญา ใช้ที่มีกฎหมายให้อำนาจ เพื่อรักษาชีวิต ร่างกาย ค้นคว้าวิจัยทางสถิติ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปกป้องสิทธิของตน ไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้อื่น

สำหรับหลักการข้างต้น อาจเปลี่ยนแปลงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นกรณีๆ ไป สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กเพจ "PDPC Thailand" หรือศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร. 1111


กำลังโหลดความคิดเห็น