ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ เผยที่มาชื่อ “ฝีดาษวานร” โดยท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้ตั้งชื่อโรคนี้ในประเทศไทย นอกจากนี้ โรคระบาดดังกล่าวยังไม่เคยพบในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 20 พ.ค. เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงโรคระบาด Monkeypox หรือ โรคฝีดาษลิง โดยระบุว่า "การเรียกชื่อ “ฝีดาษวานร” อยากให้เป็นเกียรติ และระลึกถึงท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้ตั้งชื่อโรคนี้ในประเทศไทย
ฝีดาษวานร ไม่ใช่โรคใหม่ พบครั้งแรกในลิงปี 2501 และพบในคนตั้งแต่ปีพศ 2513 ในแอฟริกาตอนกลาง และแอฟริกาตะวันตก ฝีดาษวานร คล้ายกับโรคฝีดาษในมนุษย์ แต่ความรุนแรง และ การแพร่ระบาดได้น้อยกว่าผีดาษมาก
การติดต่อทราบกันดีว่า คนจะติดมาจากสัตว์ เช่นลิง สัตว์ตระกูลฟันแทะ กลุ่มหนูในแอฟริกาและกระรอก แหล่งระบาดจะอยู่ในแอฟริกาตะวันตก และแอฟริกากลางการพบนอกแอฟริกา ส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางมาจากแอฟริกา และหรือสัมผัสกับสัตว์ที่นำมาจากแอฟริกา
การติดต่อระหว่าง คนสู่คนเป็นไปได้ แต่ต้องสัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่นสัมผัสกับ น้ำใส ตุ่มหนองหรือสารคัดหลั่ง ใช้เสื้อผ้าร่วมกัน นอนเตียงเดียวกัน การเลี้ยงสัตว์ต่างถิ่นที่เป็นพาหะโรคนี้อยู่ ในอดีตที่ผ่านมายังไม่พบการระบาดใหญ่ พบเป็นกลุ่มในแอฟริกา และพบเป็นรายราย ในยุโรปและอเมริกา เคยมีรายงานผู้ป่วยในสิงคโปร์
ในอังกฤษครั้งนี้ มีการตั้งข้อสงสัยการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยังต้องรอการยืนยันเชื้อไวรัสเป็นกลุ่มเดียวกับโรคฝีดาษ จึงเชื่อว่าวัคซีนป้องกันฝีดาษ น่าจะป้องกันโรคนี้ได้ คงต้องรอการพิสูจน์ การปลูกฝี มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝีดาษสูงมาก จึงทำให้โรคฝีดาษหมดไป และประเทศไทยเลิกปลูกฝีตั้งแต่ปีพ.ศ. 2517 ใครที่เกิดก่อนปี 2517 จะมีแผลเป็นจากการปลูกฝี ผมเองก็มี
ฝีดาษวานร ไม่เคยพบในประเทศไทย ไม่มีอะไรต้องตื่นตระหนก การติดต่อแพร่กระจายต้องสัมผัสอย่างใกล้ชิด การเฝ้าระวังเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกาตะวันตก และแอฟริกากลาง รวมทั้งการนำสัตว์ต่างถิ่นเข้าสู่ประเทศไทย"
คลิก>>อ่านโพสต์ต้นฉบับ