xs
xsm
sm
md
lg

สมดุลแห่งการพัฒนา กับการรักษาทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การแข่งขันทางธุรกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกปัจจุบัน เม็ดเงินมหาศาลถูกทุ่มเพื่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม แต่เงินลงทุนไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเพียงอย่างเดียวในการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม

“ทรัพยากรธรรมชาติ” คือ ต้นทุนแห่งการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน การมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไม่คำนึงถึงศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติ ย่อมไม่เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันหลายฝ่ายเริ่มวิตกกับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤติการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ทั่วโลกต่างยกแผนพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อจัดการปัญหาเหล่านี้ รวมถึงประเทศไทย ที่ล่าสุดได้ประกาศแผนแก้ไขปัญหาความยากจน โดยรัฐบาลพยายามผนวกการดำเนินงานในทุกด้านเพื่อแก้ไขปัญหาการทรุดตัวของเศรษฐกิจของประเทศ แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่าลืมเรื่องความสมดุลของใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและสมดุล และคงต้องถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตอย่างจริงจัง

ตัวอย่างปัญหาที่ผ่านมา กรณีการขุดลอกปากแม่น้ำตรัง เมื่อปี 2562 – 2563 เพื่อขยายร่องน้ำให้เรือขนส่งสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น แต่ผลกระทบจากการขุดลอกกลับส่งผลให้เกิดการฟุ้งของตะกอนทรายและเกิดการทับถมบริเวณแหล่งหญ้าทะเลเสียหายจำนวนมาก ระบบนิเวศทางทะเลเกิดผลกระทบต่อเนื่องในทางลบ อีกทั้ง บริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งอาศัยสำคัญของพะยูน สัตว์สงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวพบพะยูนอาศัยอยู่กว่า 200 ตัว หากแหล่งหญ้าทะเลเสียหายผลกระทบต่างๆ จะเกิดขึ้นกับพะยูนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหตุผลกระทบของการขุดลอกปากแม่น้ำ

สรุปว่า เกิดจากขาดการศึกษาผลกระทบก่อนการดำเนินงาน การไม่ได้ติดตั้งตะแกรงป้องกันการฟุ้งของตะกอนระหว่างการดำเนินงาน และการเตรียมความพร้อมพื้นที่ทิ้งตะกอนหลังจากดำเนินการขุดลอกแล้ว ซึ่งผลกระทบดังกล่าวทำให้โครงการเกิดการชะงัก ซึ่งงานนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมเจ้าท่าในฐานะเจ้าของโครงการขุดลอก และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หน่วยงานผู้มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลรักษาทรัพยากรได้หารือร่วมกันสรุปได้ว่า ข้อมูลผลการศึกษามีหลายประเด็นยังไม่ชัดเจน รวมถึง พื้นที่ทิ้งตะกอนเตรียมไว้ไม่เพียงพอ

เรื่องนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่อยู่เฉยแน่ๆ จึงได้เร่งสั่งการ นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดทีมนักวิชาการและนักดำน้ำสำรวจพื้นที่และผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่กำกับทั้งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คงต้องลงมือสั่งการแก้ปมปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง อีกทั้ง นายวราวุธ ศิลปอาชา ผู้หลงใหลท้องทะเลและได้ชื่อว่าเป็นนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตัวยง คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้เงียบอย่างแน่นอน ซึ่งบ่อยครั้งได้มีการย้ำในหลายเวทีอยู่เสมอว่า
“หากอัตราความเพิ่มขึ้นของเงิน สวนทางกับความสมบูรณ์ของทรัพยากร ความยั่งยืนย่อมไม่เกิด ทรัพยากรธรรมชาติพัง เศรษฐกิจย่อมเดินหน้ายาก การส่งเสริมอุตสาหกรรมอย่างสุดโต่งโดยไม่คำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติ นับเป็นการกระทำที่ไม่ชาญฉลาดเลย”

ประเทศไทยเคยพลาดตกเป็นรองให้กับต่างชาติ กับการที่เร่งพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อการส่งออก สุดท้ายกลับถูกกีดกันเนื่องจากทำลายทรัพยากรอย่างเกินขีดจำกัด เหตุการณ์เหล่านี้ทุกฝ่ายสามารถจัดการได้ หากแต่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำ

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 กรมเจ้าท่า ได้เตรียมเดินหน้าโครงการขุดลอกร่องน้ำบริเวณปากแม่น้ำตรังอีกครั้ง เพื่อช่วยสนับสนุนการเดินเรือและการพัฒนาภาคธุรกิจแถบภาคใต้ โดยครั้งนี้จะมีการขยายพื้นที่เพิ่มขนาดความกว้างของร่องน้ำจากเดิม 60 เมตร เป็น 90 เมตร และความลึกมากกว่าเดิม 1 – 2 เมตร ซึ่งหลายฝ่ายให้ขอให้ศึกษาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้เรียบร้อยก่อน

งานนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกมาย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาถึงผลกระทบ และต้องให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย ซึ่งท่าทางเรื่องนี้จะถูกจัดการอย่างจริงจัง เห็นได้จาก นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยกทีมคณะทำงานและผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แหล่งหญ้าทะเลบริเวณปากแม่น้ำตรังและบริเวณเกาะลิบง จังหวัดตรัง ช่วงต้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ พร้อมเตรียมหารือกับชาวบ้านในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการเสื่อมโทรมของแหล่งหญ้าทะเล และระบบนิเวศทางทะเล รวมถึง หามาตรการฟื้นฟูหญ้าทะเลโดยผลการเจรจาจะจบลงอย่างไร คงต้องรอติดตามกันต่อไป แต่เชื่อได้ว่าหากคิดจะทำโครงการขุดลอกแต่หญ้าทะเลยังได้รับความเสียหายหลายพันไร่ งานนี้คงผ่านนายวราวุธ ศิลปอาชา ได้ยากอย่างแน่นอน สุดท้ายก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายหาข้อยุติสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนฐานความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ สืบไป














กำลังโหลดความคิดเห็น