กาญจนบุรี - กรมอุทยานฯ เร่งบริษัทเอกชน ปรับแบบใหม่ให้ถูกต้อง พร้อมขีดเส้นระดมสรรพกำลังลุยสร้างรั้วกึ่งถาวรกันช้างป่าสลักพระให้แล้วเสร็จไม่เกิน 31 พ.ค.65 นี้
จากกรณีบริษัทเอกชนได้รับงานประมูลในการสร้างรั้วกึ่งถาวรเพื่อป้องกันช้างป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ออกนอกพื้นที่มากินและทำลายพืชผลทางเกษตรของประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ โดยรั้วดังกล่าวก่อสร้างเป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 19,410,000 บาท แต่ถูกช้างป่าดันล้มเสียหายจำนวนหลายต้น ลวดสลิงขาดหลายจุด ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปแล้ว
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ หมู่ 4 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายเผด็จ ลายทอง ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ นายภานุมาศ สามสีเนียม ผอ.ส่วนส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่า นายสิขกพงษ์ กระแจะจันทร์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ และ น.ส.วาริกา รวดเร็ว นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) คณะกรรมการผู้ควบคุมงาน ได้ประชุมเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาข้างต้น โดยมีนายดนัย ทรัพย์คง ช่างผู้ควบคุมงานบริษัทบี เพาเวอร์ แฟคตอรี่ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด นายโอภาส ใยสีอ่าง วิศวกรโยธา ของบริษัทฯ และนายมีชัย ภัทรธนากร ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทฯ เข้าร่วม โดยการประชุมใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบหน้างานโครงการสร้างรั้วกึ่งถาวร โดยเฉพาะบริเวณจุดที่ถูกช้างป่าดันล้มเสียหาย เริ่มตั้งแต่ท้องที่ ต.วังด้ง ไปจนถึงท้องที่บ้านโป่งปัด ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ตลอดระยะทางเกือบ 13 กิโลเมตร โดยพบเสารั้วกึ่งถาวรบางต้นถูกช้างป่าดันล้ม และมีร่องรอยแตกหัก
ทั้งนี้ นายเผด็จ ลายทอง ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ เปิดเผยภายหลังว่า จุดประสงค์ที่มาในวันนี้เพื่อมาพูดคุยกับผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบ ซึ่งนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มอบหมายให้ลงมาดูพื้นที่จริง เนื่องจากว่าการก่อสร้างรั้วกึ่งถาวรเพื่อป้องกันช้างป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ออกนอกพื้นที่มีปัญหาเกือบทุกจุด
ซึ่งวันนี้ได้มีการพูดคุยกับประธานกรรมการตรวจรับ รวมทั้งผู้ควบคุมงาน และฝ่ายผู้รับจ้าง จากนั้นได้เข้ามาดูที่หน้างานเพื่อสรุปร่วมกันว่าจะหาแนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหากันอย่างไร แต่ทุกอย่างมีระเบียบและแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว หากจะทำอะไรต้องดำเนินการตามแนวทางที่มันถูกต้อง โดยทุกอย่างจะต้องมีกรอบระยะเวลาในการแล้วเสร็จ
ส่วนรูปแบบของรั้วกันช้างกึ่งถาวรจะต้องมีการพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้สามารถมีผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันช้างป่าให้ได้มากที่สุด หลังจากนี้คงต้องมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับรูปแบบที่เราคิดว่าน่าจะดีที่สุด และมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนให้มากที่สุด
ซึ่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีความกังวลเพราะปัญหาช้างป่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกรมอุทยานฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงมอบหมายให้ตนลงมาดูพื้นที่จริงแล้วสรุปให้ทราบว่าจะดำเนินการในลักษณะอย่างไรต่อไป ซึ่งหากมีการสร้างรั้วกึ่งถาวรตามแบบที่ออกมามันอาจจะมีปัญหาในเรื่องของสภาพผิวดินอ่อน และมีปัญหาสภาพภูมิประเทศอยู่บ้าง เพราะพื้นด้านล่างเป็นหินที่ไม่สามารถทำตามแบบได้จึงต้องมีการปรับแก้แบบ การปรับแก้แบบจะต้องได้การรับรองจากวิศวกรผู้ที่มีความชำนาญให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนการประชุมในวันนี้ เราได้พยายามเร่งรัดผู้ควบคุมงานเพื่อให้รู้วันแล้วเสร็จ สุดท้ายเราได้กำหนดกรอบเวลาร่วมกันว่าให้ทางผู้รับจ้างไปพูดคุยกับทางกรรมการตรวจรับพัสดุ รวมทั้งผู้ควบคุมงาน และได้กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนว่าให้จัดทำแผนในการปฏิบัติงานว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่เท่าไหร่
และจากการพูดคุยจึงมีความเห็นพร้อมกันว่าบริษัทฯ ผู้รับจ้างจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในไม่เกินวันที่ 31 พ.ค.65 เพราะหลังจากนั้นอาจจะติดปัญหาเรื่องของฝนตก โดยผู้รับจ้างจะต้องระดมกำลังเข้ามาเร่งดำเนินการ ที่สำคัญจะต้องมีการปรับแก้แบบให้ถูก และจะต้องได้รับอนุญาตจากวิศวกรก่อนจึงจะสามารถเข้ามาดำเนินการสร้างได้