สงคราม ก็คือทหารรบกับทหาร แต่ไม่ว่าสงครามครั้งไหนประชาชนก็มักตายมากกว่าทหาร อย่างในสงครามเวียดนาม ทหารทุกชาติที่ร่วมรบตายไป ๔๕๕,๔๖๒-๑,๑๗๐,๔๖๒ แต่ประชาชนทั้งเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ตายถึง ๙๖๖,๐๐๐-๓,๐๑๐,๐๐๐ คน
การตายของ “ประชาชนผู้บริสุทธิ์” นอกจากจะโดนลูกหลงแล้ว ยังถูกเข่นฆ่าด้วยความจงใจจากคนบ้าเลือดที่ถืออาวุธ อย่างเช่นกรณีที่โด่งดังสนั่นโลกเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นในสงครามเวียดนาม เมื่อทหารอเมริกัน กองร้อยชาร์ลี ได้สังหารประชาชนในหมู่บ้านมายไล ในจังหวัดกวางงายไป ๕๐๔ ศพ ไม่เว้นแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดงและคนชรา รวมทั้งวัวควายสัตว์เลี้ยง เนื่องจากได้รับรายงานจากฝ่ายข่าวว่า หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่หลบซ่อนของหน่วยรบเวียดกงที่สังหารทหารอเมริกันไปหลายคน และยังเป็นแหล่งเสบียงด้วย
แต่การสังหารโหดผิดมนุษย์เช่นนี้ ใช่ว่าทหารอเมริกันที่มาร่วมปฏิบัติการจะเห็นด้วยทั้งหมด บางคนก็ทนดูไม่ได้ จึงเข้าขัดขวางและนำเรื่องมาเปิดเผย จนผู้ลงมือถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ก็ถูกกักบริเวนแค่ ๓ ครึ่งปีก็พ้นโทษ เหมือน “เมืองสารขัณฑ์” เด๊ะ
การสังหารโหดครั้งนี้เปิดฉากขึ้นในเช้าวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๑๑ เริ่มด้วยการถล่มปืนใหญ่เข้าใส่หมู่บ้านขณะที่ชาวบ้านกำลังหุงหาอาหารเช้ากัน เมื่อเคลียร์พื้นที่แล้ว ขบวน ฮ.นับสิบลำก็นำทหารอาวุธครบมือลงจอด แล้วกราดยิงทุกคนที่เห็น ไม่ว่าเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็กหรือคนชรา ผู้บังคับหมวดยังได้สั่งให้กวาดต้อนผู้หญิง เด็ก และคนชรา ๑๗๐ คนลงไปในคูน้ำ แล้วกราดยิง อีกส่วนก็เผาทำลายหมู่บ้าน ทั้งสัตว์เลี้ยงและพืชพันธุ์ที่จะเป็นเสบียงได้
คนที่เห็นเหตุการณ์ชัดเจนในเรื่องนี้ก็คือคนที่อยู่บน ฮ.ที่ลอยลำอยู่เหนือหมู่บ้าน จนทนดูไม่ได้ และกล้าหาญพอที่จะเข้าขัดขวาง ก็คือ นายดาบฮิวจ์ ทอมป์สัน ซึ่งทำหน้าที่ขับ ฮ. กับลูกเรืออีก ๒ คนได้ตัดสินใจนำ ฮ.ลงจอดขวางทางปืนไว้ ช่วยขนชาวบ้าน ๑๐ คนขึ้นเครื่องออกจากที่เกิดเหตุ และยังกลับไปช่วยเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางศพในคูน้ำ โดยไม่ได้ถูกยิง รอดชีวิตไปได้อีกคน พร้อมทั้งวิทยุแจ้ง ฮ.ลำอื่นๆให้เข้ามาช่วยพาชาวบ้านออกไปนอกพื้นที่ด้วย
ฮิวจ์ ทอมป์สันบินกลับไปฐานด้วยความโกรธ รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที แล้วบอกว่าเขาจะไม่ยอมบินอีก ผู้บังคับบัญชาจึงรายงานเรื่องนี้ไปยังหน่วยเหนือต่อไป เป็นผลให้แผนการ “ค้นหาและทำลาย” เวียดกงตามหมู่บ้านต้องระงับไป ซึ่งก็คงทำให้ชาวเวียดนามใต้รอดชีวิตไปได้เป็นพันคน
แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยสังหารประชาชนผู้ไม่มีอาวุธที่หมู่บ้านมายไลซึ่งใช้เวลาราว ๔ ชั่วโมงนี้ ก็ได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับการกรมว่ามีผลงานโดดเด่น ที่สังหารเวียดกงไปได้ ๑๒๘ คนในการสู้รบที่นองลือดทั้งวัน มีชาวบ้านถูกลูกหลงจากปืนใหญ่ไป ๒๐ คน ทั้งยังแถลงต่อท้ายว่ารายงานของนายดาบฮิวจ์ ทอมป์สันนั้นเป็นเท็จ
ความจริงที่หมู่บ้านมายไลถูกกลบไว้ได้ปีกว่าก็ถูกเปิดขึ้นโดยพลทหารคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่พลประจำปืนเฮลิคอปเตอร์ มีชื่อว่า โรแนลด์ ริดเดนเฮาร์ แม้เขาจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ได้รับคำบอกเล่าจากเพื่อนที่อยู่ในกองร้อยชาร์ลี เขาแทบไม่เชื่อว่ามีการสังหารแบบบ้าคลั่งเช่นนี้เกิดขึ้น จึงสืบค้นหาความจริงและรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เขารอเวลาจนปลดประจำการออกจากกองทัพแล้ว จึงเขียนจดหมายถึงกระทรวงกลาโหม เลขาธิการสภาและสมาชิกรัฐสภาราว ๒๐ คน รวมทั้งบุคคลสำคัญอีกหลายคน เปิดเผยความจริงที่เขาค้นพบ
กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยสัมภาษณ์ทหารที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ ทั้งยังประจำการและปลดประจำการไปแล้ว จนนำไปสู่การฟ้องในศาลทหารในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๓ มีจำเลย ๑๔ คน
นายดาบฮิวจ์ ทอมป์สัน พยานปากสำคัญให้การกับศาลว่า
“...เราเห็นทหารกำลังใช้ปืนกราดยิงชาวบ้าน คนชรา ผู้หญิง เด็ก นอนตายจำนวนมาก เราตัดสินใจวิทยุบอกให้ผู้หมวดหยุดยิง... ไม่เช่นนั้นเราจะใช้ปืนกลบน ฮ. ยิงใส่ทหารอเมริกันด้วยกันเอง หากจำเป็นต้องทำ”
ร.ท.วิลเลียม แคลลีย์ ผู้บังคับหมวดผู้สั่งการสังหาร ซึ่งตกเป็นจำเลยคนสำคัญ ให้การว่าได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับร้อยเอก แต่ในที่สุดของการพิจารณาคดี ๔ เดือน ร.ท.วิลเลียม แคลลีย์ก็ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยคนอื่นๆไม่มีหลักฐานที่จะลงโทษได้
หลังจากที่ศาลตัดสินเพียง ๒ วัน ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันได้ใช้อำนาจสั่งให้ปล่อยตัว ร.ท.วิลเลียม แคลลีย์ออกจากค่ายทหารไปกักตัวอยู่ที่บ้านระหว่างรอการอุทธรณ์ ในเดือนสิงหาคม ๒๕๑๗ ศาลอุทธรณ์ก็ลดโทษให้เขาจากจำคุกตลอดชีวิตเป็นยี่สิบปี ร.ท.แคลลีย์ถูกส่งตัวไปกักบริเวนในค่ายทหาร และได้รับอภัยโทษหลายครั้ง ถูกกักบริเวนอยู่เพียง ๓ ปีครึ่งก็พ้นโทษ
ขณะที่เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนและเป็นคดีที่โด่งดัง นายดาบฮิวจ์ ทอมป์สัน คนที่กล้าขัดขวางปฏิบัติการครั้งนี้ ได้ถูกสมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่งประณามว่าเป็นคนขายชาติ และถูกข่มขู่จะเอาชีวิต เอาซากสัตว์ตัดเท้าไปวางไว้หน้าประตูบ้าน ถึงขั้นเดินถนนไม่ได้
แต่เมื่อคดีนี้ได้ข้อสรุป นายดาบฮิวจ์ ทอมป์สันก็ได้รับเหรียญกล้าหาญชั้นสูงของกองทัพบก และยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้บรรยายจริยธรรมของทหาร ในเรื่องการขัดคำสั่งที่ไม่ถูกต้องของผู้บังคับบัญชา ส่วนลูกเรือของเขาอีก ๒ คนก็ได้รับเหรียญกล้าหาญด้วย
ในการสอบสวนยังพบว่ามีทหารช่าง ๓ นาย พยายามขัดขวางการสังหาร และช่วยเอาชาวบ้านไปซ่อนไว้ ทหารช่างทั้ง ๓ นายนี้จึงเป็นผู้กล้าอีกกลุ่มที่ได้รับเหรียญกล้าหาญ
สื่อมวลชนยังตามไปขุดคุ้ยเรื่องนี้ต่อ ได้ความอีกว่า
พลทหารเวอร์นาโด ซิมป์สัน พลปืนเล็กในกองร้อยชาร์ลี สารภาพว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่กราดปืนยิงเด็ก ต่อมาเขาก็ฆ่าตัวตายในปี ๒๕๔๐
จ่าเคนเน็ต ฮอดเจ็ด รับว่าเขาข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่งในขณะเกิดเหตุการณ์ ก่อนที่เธอจะถูกสังหาร
จ่าแกรี่ ดี. โรสเชวิส สารภาพว่าเขาได้ใช้ เอ็ม๗๙ สังหารประชาชน และข่มขืนผู้หญิงเวียดนามด้วย
เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ชาวเวียดนามได้จัดพิธีรำลึก ๕๐ ปีการสังหารพลเรือนไม่มีอาวุธที่หมู่บ้านมายไล ประธานจัดงานได้กล่าวเปิดพิธีว่า การสังหารหมู่ที่มายไลเป็นการก่ออาชญากรรมโดยกองกำลังที่เป็นศัตรู แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศที่ก่อ เพราะตอนนี้เวียดนามต้องการละทิ้งความทรงจำอันโหดร้ายในอดีต และเป็นมิตรกับนานาประเทศ เพื่อสร้างอนาคต สันติภาพ และความสุขที่ดีขึ้น
ในงานนี้ยังมีทหารอเมริกันที่ผ่านศึกเวียดนามมาร่วมงานด้วยหลายคน อดีตแพทย์ของกองทัพสหรัฐที่เคยมาร่วมสงครามเวียดนามกล่าวว่า ทหารผ่านศึกหลายคนที่ไม่ได้มาในงานนี้ ก็เพราะพวกเขารู้สึกละอายใจที่จะเผชิญหน้ากับชาวเวียดนาม ต่อการกระทำในอดีตที่ยังคงเป็นตราบาปครั้งสำคัญในชีวิต
ชายชาวมายไลคนหนึ่ง ซึ่งวันนั้นมีอายุ ๙ ขวบ ได้เล่าว่า ครอบครัวของเขาทั้งพ่อแม่ถูกต้อนไปลงคูน้ำพร้อมเพื่อนบ้านจำนวนเป็นร้อยแล้วถูกกราดยิง เขาเพียงแค่บาดเจ็บจึงแกล้งตายอยู่ท่ามกลางศพ เพราะกลัวจะถูกยิงซ้ำ แต่ต่อมาก็ได้รับการช่วยเหลือจากเฮริคอปเตอร์ของสหรัฐอีกหน่วยที่เข้ามาหยุดการสังหาร
นี่คือผลอีกอย่างหนึ่งของสงคราม ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ ทุกประเทศจึงพยายามหลีกเลี่ยงสงคราม แต่บางประเทศที่คิดว่าไม่มีใครจะบุกไปถึงบ้านตัวเองได้ จึงพยายามยุแยงปลุกปั่นให้เกิดสงครามไปทั่วโลก เพื่อจะขายอาวุธ และเป็นเจ้าโลกที่ยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ...แต่วันนี้ไม่แน่เสียแล้ว หลายประเทศก็มีขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวนิวเคลียร์กันทั้งนั้น ประเทศที่ไม่เคยย่อยยับจากสงคราม ก็อาจจะรู้ซึ้งเสมอภาคกันในครั้งนี้ ส่วนเราอยู่อย่าง “ไทยนี้รักสงบ” ก็ดีแล้ว อย่าไปชักศึกเข้าบ้านเป็นอันขาด