“ข่าวลึกปมลับ”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ตอน 3 ป.ขาลง พรรคร่วมเติบโต ไฟต์บังคับร่วมกันสู้
ตามสไตล์ 3 ป. สุมหัวทีไร ย่อมต้องมีวาระร้อนๆ ให้ถกกันทุกที การนัดรับประทานอาหารกลางวัน กันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ3ป. มันส่อให้เห็นว่า สถานการณ์ภายในรัฐบาล ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
ในจังหวะที่สถานการณ์การเมืองมักมีศึกร้อนแรงกันในช่วงเมษายน พฤษภาคม ขณะที่สถานะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็กำลังเผชิญสภาวะผุกร่อน ไทม์ไลน์การเมืองอุ่นๆ รอเดือนพฤษภาคมที่จะมีคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ไม่ใช่แค่หอกข้างแคร่อย่างพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และพวกเท่านั้น แต่นาทีนี้ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ก็ไว้วางใจไม่ได้เช่นกัน
กรณีพรรคร่วมรัฐบาลจับมือกับฝ่ายค้านสกัด ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ให้นั่งประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับ
คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง คือ หนังตัวอย่าง
แน่นอนว่า ด้านหนึ่ง เป็นเรื่องของตัวบุคคล ที่ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่า ไพบูลย์ ไม่เหมาะสม ทั้งพฤติกรรม และดีกรีที่เป็นเพียง ส.ส.ปัดเศษ ย้ายมาอยู่พรรคใหญ่
แต่อย่าลืมว่า อีกด้านหนึ่ง ชื่อนี้ได้รับการอนุมัติจาก บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ส่งสัญญาณชัดมายังวิปรัฐบาลให้เห็นชอบชื่อนี้
ผลสุดท้าย การเอาชื่อ สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข จากพรรคประชาธิปัตย์ มันไม่ต่างอะไรท้าทาย อำนาจพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์
ในทางการเมืองถือว่าบิ๊กป้อม เสียรังวัดมาก
แม้ว่า สาธิต จะยังเป็นคนในคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ได้เป็นคนที่ บิ๊กป้อม เลือก หากแต่เป็นคนที่พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายค้าน วางแผนร่วมกัน
พูดตรงกันๆ คือ พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มแข็งข้อกับ 3 ป. และพรรคพลังประชารัฐแล้ว
เนื่องจากดุลอำนาจในรัฐบาลเปลี่ยนไป ทุกวันนี้ขนาดตัวของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยใหญ่ขึ้นๆ จนกลายมาเป็นตัวแปรสำคัญในการอยู่รอดของรัฐบาล ตรงกันข้ามกับพรรคพลังประชารัฐ และอาจรวมถึงสมาชิกวุฒิสภา ที่ขนาดหดลงๆ
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งภายในของ 3 ป. ระหว่าง 2 ป.คือ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กับ 1 ป. คือ บิ๊กป้อม
พรรคพลังประชารัฐแตกเป็นเสี่ยง แม้วันนี้จะไม่มี ร.อ.ธรรมนัสอยู่ในพรรคแล้วก็ตาม มีการแบ่งเป็นทีมลุงป้อม ทีมลุงตู่
ส.ส.ระส่ำระสาย ไม่รู้เป้าหมายในชีวิต เพราะจนถึงบัดนี้ไม่มีความแน่นอนว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะมียังมีพรรคพลังประชารัฐอยู่หรือไม่ ดูง่ายสุดจากการที่ แรมโบ้ เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นนั่งร้าน บิ๊กตู่
แม้ บิ๊กตู่ จะยืนยันว่ายังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ และ บิ๊กป้อม ประกาศเลือกตั้งครั้งหน้าจะพาพรรคพลังประชารัฐเข้าวิน 150 เสียง แต่ในทางปฏิบัติมันกลับย้อนแย้ง วันนี้คนข้างตัว บิ๊กตู่ อย่าง เสี่ยตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กลับไปปลุกปั้นพรรครวมไทยสร้างชาติกับ แรมโบ้
แถมยังมีนักการเมืองทยอยเข้าพรรคไม่หยุด ล่าสุดขุนพลซอยราชครู ปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ปลดประจำการทางการเมืองมานาน ประกาศคัมแบ็กไปเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติเรียบร้อย
ปากกับความจริงมันสวนทางกัน
นอกจากนี้ บิ๊กตู่ ยังทำตัวใกล้ชิดมากขึ้นกับ ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะพวกสายใต้ จน บิ๊กป้อม รู้สึกได้ ว่าน้องเลิฟกำลังย่างกายเข้าสู่อาณาเขตปกครองของตนเอง
พี่ใหญ่ระแวงน้องเล็กกำลังจะปลีกตัวไปสร้างอาณาจักรใหม่
ความไม่ลงรอยกันใน 3 ป. มันยังสะเทือนไปถึงการทำงานของวุฒิสภา ดูวันโหวตเลือกประธานกรรมาธิการวิสามัญกฎหมายลูก 2 ฉบับได้เลย ยังมีสมาชิกวุฒิสภาบางคนไปโหวตให้ สาธิต ด้วยซ้ำ
ทุกวันนี้แบ่งเป็น สมาชิกวุฒิสภาสายลุงตู่ ลุงป้อมแล้ว ไม่มีความเป็นเอกเทศเหมือนแต่ก่อน
หนำซ้ำยังมีการพูดกันว่า ไพบูลย์ พลาดเก้าอี้รอบนี้ บิ๊กป้อม เสียหน้า แต่ บิ๊กตู่ ไม่ได้ติดใจอะไรเลย เผลอๆ จะแอบดีใจที่พี่ใหญ่ถูกลูบคมเสียบ้าง เพราะก่อนหน้านี้แอบเตะตัดขาน้องเล็กอยู่เรื่อยเหมือนกัน
บิ๊กป้อม เจอสภาวะถูกลูบคมบ้าง จะได้ลดความฮึกเหิมลงแล้วกลับมาทบทวนคิดว่า ชีวิตก็ขาดน้องไม่ได้เหมือนกัน
ตั้งแต่ 3 ป.มีปัญหา ความขลังมันแทบจะไม่หลงเหลือ พรรคร่วมรัฐบาลพากันขี่คอสนุกสนาน มันก็เป็นไฟต์บังคับต้องกลับมานั่งคุยกันว่าจะเอาอย่างไร เพราะลองแยกกันเดินแล้ว ปรากฏว่าตายเห็นๆ
จับตาหลังจากนี้ 3 ป. น่าจะมีกลับมากลมเกลียวกันมากขึ้น เพื่อลดอำนาจต่อรองภายในพรรคร่วมรัฐบาล และลดความเสี่ยงที่จะปิดฉาก ลิเกเลิกไปก่อนครบเทอม
โดยเฉพาะศึกใหญ่เดือนพฤษภาคม ที่ฝ่ายค้านล็อคปฏิทินขอใช้เวทีสภาเป็นโรงเชือด บิ๊กตู่ ซึ่งรอบนี้เนื้อหาไม่น่ากลัวเท่ากับรายการแทงข้างหลัง