xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 19-25 ธ.ค.2564

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.ศาล รธน.มีมติ "สิระ" พ้นสภาพ ส.ส. เหตุเคยต้องโทษคดีฉ้อโกง ด้าน "เสรีพิศุทธ์" บี้สภาเรียกคืนเงินเดือน-จี้ กกต.เอาผิดแจ้งความเท็จลงสมัคร ส.ส.!

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่ขอให้วินิจฉัยว่า นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) หรือไม่ จากกรณีนายสิระเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง เห็นว่า นายสิระมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายสิระสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) ประกอบมาตรา 101 (6) เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสิระถูกศาลแขวงปทุมวันพิพากษาเมื่อปี 2538 จำคุกจริงจำนวน 4 เดือน และผู้เสียหายไม่เคยยอมความ หรือถอนคำร้องทุกข์คดี คำพิพากษาดังกล่าวจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน ผู้ถูกร้องจึงเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่า กระทำผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา

ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยอีกว่า ผู้ถูกร้องมีลักษณะต้องห้ามตั้งแต่วันที่ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. คือวันที่ 4 ก.พ.2562 แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 100 บัญญัติให้สมาชิกภาพ ส.ส.เริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องจึงสิ้นสุดลงนับแต่วันเลือกตั้งคือวันที่ 24 มี.ค.2562

ทั้งนี้ เมื่อสมาชิกภาพของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ทำให้มีตำแหน่ง ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งว่างลง และต้องดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง แทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่ง ส.ส.ว่างลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 105 (1) ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 จึงให้ถือว่า วันที่ตำแหน่ง ส.ส.ว่างลง คือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย คือวันที่ 22 ธ.ค.2564

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะผู้ยื่นเรื่องผ่านประธานสภาฯ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายสิระ ให้สัมภาษณ์หลังรู้ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า ประชาชนอยากได้คำตอบนี้มา 1 ปีเต็ม วันนี้พิสูจน์แล้วศาลมีความยุติธรรม หลังจากนี้สภาฯ ต้องเรียกคืนเงินเดือน เบี้ยประชุม ค่าเดินทางและค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่นายสิระเคยเบิกจากสภาฯ ต้องคืนให้หมด

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เผยด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องต่อ กกต.ดำเนินคดีอาญานายสิระ กรณีแจ้งเท็จเรื่องคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว กกต.ต้องแจ้งข้อหานายสิระแจ้งความเท็จลงสมัครรับเลือกตั้ง คดีนี้มีโทษจำคุก 1-10 ปี ไม่มีรอลงอาญาและถูกตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี ตอนนี้นายสิระ อายุ 57 ปี อีก 20 ปี ครบ 77 ปีแล้วค่อยมาเจอกันใหม่ ต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายเลือกตั้งซ่อมใหม่ เห็นอวดร่ำอวดรวย ขอให้จ่ายให้หมด

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า “ที่ผ่านมาพฤติกรรมนายสิระกร่างไปทั่ว ไปกร่างไปหาเรื่องตำรวจที่ภูเก็ต กร่างกับอดีต ผบ.ตร.เลยต้องให้รู้ดำรู้แดง ถ้ารู้จักเป็นมิตรกับคนอื่นๆ เป็นมิตรกับตำรวจ เป็นมิตรกับผม เรื่องนี้คงไม่เกิด ที่ผ่านมาเคยมานั่งด่าผมใน กมธ. ยอมให้เขาด่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง แล้วก็มาเก็บพวกนี้ โดนผมเก็บหมด รู้สึกว่าตอนนี้สภาฯ สูงขึ้นเยอะ เวลาเดินอย่าลืมก้าวข้ามบันไดนับขั้นให้ดี สภาฯ มันสูงขึ้น”

ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กหลังทราบว่านายสิระถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพ ส.ส.ว่า “เสียใจด้วยสิระ เราเป็นนักเลง ไม่ซ้ำเติมใครให้จนมุม เราให้อภัยที่นายทำกับเราไว้มาก แต่เราจะดูแลพี่น้องชาวหลักสี่แทนนายเอง พักผ่อนให้สบาย เหนื่อยมามากแล้ว”

มีรายงานว่า ขณะนี้ สำนักการคลัง สภาฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อเรียกคืนเงินเดือนและรายได้ทั้งหมดที่นายสิระได้จากสภาฯ ตั้งแต่เดือน มี.ค.62 ได้แก่ 1.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง เดือนละ 113,560 บาท ตั้งแต่วันที่ 24 เดือน มี.ค.62 ถึงวันที่ 22 ธ.ค.64 2.เงินเดือนผู้ช่วย ส.ส.ของนายสิระ 7 คน ตั้งแต่ 15,000-20,000 บาท 3.ค่าเบี้ยประชุม-ค่าเดินทางต่างๆ ของนายสิระระหว่างดำรงตำแหน่ง ส.ส. อยู่ระหว่างรวบรวมว่า มีจำนวนเงินจ่ายให้นายสิระไปทั้งหมดเท่าใด จะต้องเรียกคืนทุกบาททุกสตางค์ หลังคำนวณวงเงินที่นายสิระต้องจ่ายคืนเสร็จแล้ว จะส่งหนังสือให้นายสิระรับทราบ เพื่อคืนรายได้ทั้งหมดที่ได้ไปให้สภาฯ ต่อไป

2.“เพนกวิน-อานนท์-ไมค์-ไผ่ ดาวดิน” นอนคุกต่อ หลังศาลยกคำร้อง ไม่ให้ประกันตัว เหตุทำผิดเงื่อนไขซ้ำซาก!


เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ศาลอาญาได้นัดฟังคำสั่งกรณีที่ทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มราษฎร จำเลยร่วมกันชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมายและความผิดฐานหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ทั้งนี้ ศาลได้อ่านคำสั่งผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากศาลอาญาไปยังเรือนจำที่คุมขังจำเลยทั้งสี่ โดยศาลเห็นว่า นายพริษฐ์ จำเลย ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในคดีนี้ และกระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งศาลเคยตักเตือนจำเลยและกำชับจำเลยผ่านผู้กำกับดูแลมาแล้ว จนเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว อีกทั้งจำเลยมีพฤติการณ์กระทำผิดซ้ำในทำนองเดียวกันกับการกระทำที่เป็นมูลเหตุที่ถูกกล่าวหา หรือฟ้องร้องหลายคดี

เมื่อพิเคราะห์ถึงลักษณะและพฤติการณ์ของจำเลยในการแสดงออก หรือร่วมทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก และมีความรุนแรงตลอดมา จึงมีเหตุควรให้เชื่อว่า หากอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยจะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องร้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ในชั้นนี้จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว จึงให้ยกคำร้อง

ในส่วนของนายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน จำเลย ศาลเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยในการแสดงออก ปราศรัย หรือชักนำ ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ประกอบกับจำเลยต้องข้อหาในลักษณะในลักษณะเช่นนี้ที่ศาลนี้และศาลอื่นหลายคดี จึงมีเหตุอันควรให้เชื่อว่า หากอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยจะไปกระทำในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องร้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น จึงให้ยกคำร้องเช่นกัน

ในส่วนของนายอานนท์ นำภา จำเลย ศาลเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยในการแสดงออก ปราศรัย หรือชักนำในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ประกอบกับจำเลยต้องข้อหาในลักษณะเช่นนี้ที่ศาลนี้ และศาลอื่นหลายคดี จึงมีเหตุควรให้เชื่อว่า หากอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยจะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องร้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น จึงให้ยกคำร้อง

ในส่วนของนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ จำเลย ศาลก็เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยในการแสดงออก ปราศรัย หรือ ชักนำในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ประกอบกับจำเลยต้องข้อหาในลักษณะเช่นนี้ที่ศาลนี้และศาลอื่นหลายคดี จึงมีเหตุควรให้เชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยจะไปกระทำการในทำนองเดียวกันกับที่ถูกฟ้องร้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ให้ยกคำร้อง

ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังคำสั่งศาลว่า ส่วนตัวไม่มีความมั่นใจ เพราะหลายเรื่องมีมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างตุลาการ อัยการ และทนายความ เพราะฉะนั้น ขอรอฟังคำสั่งศาลดีกว่า เพราะเราผิดหวังมาหลายครั้งแล้ว

นายกฤษฏางค์ กล่าวถึงกรณีที่รับเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ ให้กักตัวในเคหสถานตลอด 24 ชั่วโมงด้วยว่า การกักตัวอยู่ในบ้านกับการที่ขังในเรือนจำก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่าอยู่ที่บ้านจะมีความปลอดภัยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ได้มีโอกาสที่จะศึกษาหาความรู้ โดยไม่เสียอนาคต จึงคิดว่าบุคคลที่เหลือก็ควรจะได้รับสิทธิ์ปล่อยตัวเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หลังทราบว่าศาลไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์-นายจตุภัทร์-นายอานนท์-นายภาณุพงศ์ จำเลยทั้ง 4 คน นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า จากการไต่สวนขอประกันตัวที่จบไปเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. มีเรื่องใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา คือ ทั้งสี่คนยอมรับเงื่อนไขให้กักบริเวณอยู่ที่บ้าน 24 ชั่วโมง แต่แปลกใจว่าทำไมศาลไม่เอาเรื่องนี้ มาเป็นประเด็นพิจารณาเรื่องการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสี่

ส่วนจะมีการอุทธรณ์คำสั่ง หรือจะยื่นประกันตัวต่อไปหรือไม่ นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ให้ทั้งสี่คนไปตัดสินใจกันเอง แต่ตนได้บอกกับทั้งสี่คนว่า คำสั่งศาลที่ออกมาในวันนี้ โอกาสที่ศาลจะปล่อยตัวชั่วคราวอีกคงยาก และคงจะมีทิศทางเดิม คือหากประกันอีกก็จะไปกระทำความผิดซ้ำ

เป็นที่น่าสังเกตว่า บรรยากาศที่หน้าศาลอาญา ได้มีกลุ่มทะลุฟ้าและแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมจัดกิจกรรม "เดิน หยุด ขัง" เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวแกนนำทั้งสี่คน หลังทราบผลว่า ศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำทั้งสี่ ผู้ชุมนุมต่างตะโกนโห่ร้องแสดงความไม่พอใจผลการตัดสิน และปราศรัยโจมตีการทำงานของศาลยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเผาชุดครุย ประท้วงคำสั่ง ที่บริเวณหน้าประตูศาล ไม่เท่านั้นยังมีการขว้างปาสิ่งของ ถุงใส่สีแดง ขยะ ขวดน้ำ เข้าไปภายในรั้วศาลอาญาจนเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ ก่อนที่แกนนำจะประกาศยุติการชุมนุมในเวลาต่อมา

3. ไทยพบผู้ติดโควิด “โอมิครอน” ทะลุ 200 รายแล้ว ด้าน “อธิบดีสรรพากร” ติดโควิด ยังไม่ชัดสายพันธุ์ใด!


สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย โดยเฉพาะโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน" ที่เริ่มพบการติดเชื้อในประเทศ และค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเริ่มจากหญิงไทยที่ติดเชื้อโควิดโอมิครอนรายแรกในประเทศ โดยติดจากสามีที่เดินทางจากประเทศไนจีเรียเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา

ต่อมา เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ในฐานะผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงว่า พบการระบาดเป็นคลัสเตอร์ที่เชื่อมโยงกันหลายจังหวัด (ปทุมธานี-พระนครศรีอยุธยา-นครราชสีมา-กรุงเทพมหานคร) จากกลุ่มที่กลับจากการเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาในประเทศตะวันออกกลาง 33 ราย โดยเดินทางกลับไทยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ตรวจ RT-PCR เมื่อมาถึงไทย พบติดเชื้อ 14 ราย ตรวจสอบพบเป็นโอมิครอน 6 ราย และเดลต้า 8 ราย

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ชาวอิสราเอลเดินทางเข้าไทย และหนีออกจากโรงแรมที่พัก ทั้งที่ยังไม่รู้ผลตรวจโควิด ซึ่งภายหลังพบว่า ผลตรวจติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน โดยชาวอิสราเอลดังกล่าวเดินทางเข้าไทยในรูปแบบ Test and Go เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ระหว่างรอผลตรวจ ได้หายออกจากโรงแรมที่พักย่านสุขุมวิท แล้วเดินทางไปยัง จ.ชลบุรี และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนที่ตำรวจจะออกหมายจับ และควบคุมตัวในเวลาต่อมา

ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ว่า ขณะนี้สายพันธุ์โอมิครอน มีสายพันธุ์ย่อยอยู่ 3 สายพันธุ์ ที่แพร่ระบาดทั่วไปในโลกถึง 106 ประเทศแล้ว ส่วนใหญ่เป็น BA.1 คือสายพันธุ์เดิมที่กลายพันธุ์ตั้งแต่เริ่มแรก ส่วนสายพันธุ์ย่อย BA.2 กับ BA.3 มีจำนวนเล็กน้อย ซึ่งกระบวนการการตรวจของห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่เป็นการตรวจเบื้องต้น (SNP) รู้ผลใน 1 วัน ยังสามารถตรวจจับสายพันธุ์นี้ได้ครบทุกสายพันธุ์ย่อย

สำหรับการแพร่ของสายพันธุ์โอมิครอนนั้น จากการติดตามข้อมูลรายงานการศึกษาในห้องทดลองของมหาวิทยาลัยฮ่องกง พบว่า สายพันธุ์โอมิครอนติดเชื้อและเพิ่มจำนวนในเซลล์ทางเดินหายใจในระดับหลอดลม โดยเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตาประมาณ 70 เท่า แต่ที่เซลล์เนื้อปอดกลับเพิ่มจำนวนได้ช้ากว่า เป็นเหตุผลหนึ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมสายพันธุ์โอมิครอนถึงแพร่เร็ว เพราะมันชุกชุมในทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งแพร่กระจายไปยังผู้คนรอบข้างได้ง่าย แต่ไม่ค่อยมีอันตรายอะไรมาก

นพ.ศุภกิจ เผยด้วยว่า การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ทั้งคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และสุ่มตัวอย่างจากผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.-23 ธ.ค. จำนวน 874 ราย พบสายพันธุ์เดลต้า 732 ราย สายพันธุ์โอมิครอน 142 ราย ตัวเลขการตรวจพบสายพันธุ์โอมิครอนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-23 ธ.ค. ทั้งหมด 205 ราย เป็นกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ 180 ราย และผู้ที่อยู่ภายในประเทศแต่ติดเชื้อจากผู้เดินทางจากต่างประเทศ 25 ราย

ล่าสุด (25 ธ.ค.) นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เผยถึงกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นนักดนตรี พนักงานเสิร์ฟ และลูกค้าร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งในตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จำนวน 19 ราย ซึ่งเชื่อมโยงกับสองสามีภรรยาที่กลับจากประเทศเบลเยียมและติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โครมิครอนที่เข้าไปรับประทานอาหารกับญาติเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ผลการตรวจพิสูจน์สายพันธุ์โควิดจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่า เป็นสายพันธุ์โอมิครอน

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน จ.กาฬสินธุ์ วันที่ 25 ธ.ค. มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 61 ราย โดยในจำนวนนี้ติดเชื้อมาจากคลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับที่เชื่อมโยมสองสามีภรรยาที่กลับจากเบลเยียมถึง 45 คน ส่งผลให้ยอดติดเชื้อจากคลัสเตอร์ดังกล่าว 64 คนแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีรายงานล่าสุด วันนี้ (25 ธ.ค.) ว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ติดเชื้อโควิด-19 โดยได้รับผลตรวจยืนยันในวันพฤหัสที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว โดยมีไข้เพียงเล็กน้อย เบื้องต้นคาดว่า นายเอกนิติน่าจะติดเชื้อระหว่างการประชุมร่วมกับหน่วยงานอื่น ที่มีผู้ติดเชื้อเข้าร่วมประชุมด้วย

4. ศบค.สั่งงดรับนักท่องเที่ยวเข้าไทยเพิ่มถึง 4 ม.ค.65 รอประเมิน "โอมิครอน" ด้าน กทม. ยกเลิกจัดเคาต์ดาวน์-สวดมนต์ข้ามปี!


หลังโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอมิครอน" เริ่มระบาดในประเทศ ทำให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มความเข้มในการควบคุมป้องกัน โดยเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยหลังเป็นประธานประชุม ศบค.ว่า ขณะนี้คนที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย 1.1 แสนคน ที่เข้ามาแล้ว ทั้งช่องทางแซนด์ บ็อกซ์ และเทสต์ แอนด์ โก จากที่ขออนุมัติเข้ามาประมาณ 2 แสนราย ดังนั้นเหลือประมาณ 9 หมื่นคน ซึ่งเราจำเป็นจะต้องดูแล ติดตาม เพราะได้ขออนุญาตมาก่อนในช่วงที่ผ่านมา แต่จะไม่ให้มีการลงทะเบียนเพิ่มอีกแล้ว จนกว่าจะมีการพิจารณาสถานการณ์หลังช่วงวันที่ 4 ม.ค. 2565

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องความพร้อมในการรองรับหากมีการติดเชื้อในคนที่เข้ามาแล้ว และคนใหม่ที่อยู่ในกล่องผู้ขออนุญาตเข้ามา เราจะสามารถรองรับได้หรือไม่ เขาบอกว่ายังรองรับได้ ข้อสำคัญที่สุด คือความรุนแรงยังค่อนข้างจะควบคุมได้อยู่ โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ติดเชื้อเร็วแต่รักษาได้ง่ายกว่า และไม่มีผลกระทบรุนแรงถึงชีวิตมากนัก

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หลังจากวันที่ 4 ม.ค.65 จะไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ไม่รับคนใหม่แล้ว นอกจาก 2 แสนคนที่ขึ้นทะเบียนไว้ ส่วนมาตรการเพิ่มเติมที่จะดูแล 2 แสนคนดังกล่าว ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่ต้องติดตามคนเหล่านี้ ที่เข้ามาจากช่องทางต่างๆ “เราจะไม่มีการอนุมัติ หรืออนุญาตอีก สำหรับคนไทยที่เข้ามาก็เช่นเดียวกัน ที่มีการยื่นไว้แล้ว หลังจากวันนี้จะต้องเข้ามาในระบบใหม่ คือกลับมาที่เดิม ในเรื่องการกักตัวอะไรต่างๆ 7 วัน 10 วันอะไรก็ว่ากัน “

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุม ศบค. มีมติเห็นชอบมาตรการเข้าราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2564-4 ม.ค. 2565 ดังนี้ 1.ปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยระงับการลงทะเบียนชั่วคราวประเภท Test and Go และ Sandbox ยกเว้น ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ตั้งแต่ 21 ธ.ค.64-4 ม.ค.65

2.ปรับมาตรการตรวจหาเชื้อเป็น RT-PCR 2 คร้ัง และต้องมีการกำกับติดตามอาการ / การอยู่ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว รวมทั้งการติดตามการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ให้ได้ 100% 3.ปรับมาตรการสำหรับคนในประเทศไทย โดยให้ประชาสัมพันธ์คนไทยที่จะเดินทางต่างประเทศ ให้พิจารณา ชะลอ ยกเลิกการเดินทางที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะประเทศทาง ยุโรป อเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง พร้อมให้มีการตรวจ ATK ก่อนเดินทาง และประชาสัมพันธ์ให้มีการใช้ ATK ด้วยตัวเองเป็นระยะๆ หรือเมื่อมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 4.ส่งเสริมให้มีการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง รวมทั้งจุดฉีดวัคซีนในสถานีขนส่ง ท่าเรือ หรือท่าอากาศยาน

ทั้งนี้ การเริ่มระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ได้ส่งผลให้ กทม.ตัดสินใจยกเลิกจัดงานเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยนายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าฯ กทม.แถลงเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ว่า ตามที่ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้หารือ โดยมีตัวแทนจาก กทม.ร่วมประชุมด้วย ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางจัดงานปีใหม่ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.2564-1 ม.ค.2565 ให้สอดคล้องกับประกาศขององค์การอนามัยโลก ที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยกเลิกแผนวันหยุดบางส่วนเพื่อปกป้องระบบสาธารณสุข จากโควิดโอมิครอน กทม.จึงตัดสินใจยกเลิกการจัดงานประเพณีวันขึ้นปีใหม่ งานเคาต์ดาวน์และการสวดมนต์ข้ามปี 2565 ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.2564-1 ม.ค.2565 ที่จะจัดขึ้น ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม.รวมถึงงานของสำนักงานและหน่วยงานเขตของ กทม.ทั้งหมด

ส่วนภาคเอกชนที่ประสงค์จัดงานหรือเตรียมการไว้แล้ว กทม.ขอความร่วมมือให้งด แต่หากต้องการจะจัดงาน จะต้องมีมาตรการที่เข้มขึ้น โดยขอความร่วมมือให้คุมเข้มมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ทั้งโควิด ฟรี เซตติ้ง การคัดกรองคนเข้างาน เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การทำความสะอาดสถานที่ การเว้นระยะห่าง การจัดให้มีสถานที่กักตัวสำหรับผู้ติดเชื้อ ผู้ร่วมงานต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่อยู่ในบริเวณพื้นที่จัดงาน มีผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม หรือผลตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) ก่อนร่วมงาน 72 ชม. หรือตรวจ ATK ที่หน้างาน และลดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่สำนักอนามัยและสำนักงานเขตพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ภาคเอกชนที่ขออนุญาตจัดงานเทศกาลปีใหม่มีที่ใดบ้าง นายเกรียงยศ กล่าวว่า ขณะนี้มี 2 แห่ง คือ ไอคอน สยาม และเซ็นทรัล เวิลด์ ที่ได้ขออนุญาตเข้ามา ซึ่ง กทม.ได้อนุญาตไปแล้ว “ก็ไม่ได้ห้าม แต่ขอความร่วมมือว่า งดได้ก็งด งดไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องมีการควบคุมเข้มข้นตามมาตรการของทางสาธารณสุข ต้องฝากถึงประชาชนทั่วไปด้วยว่า กทม.และรัฐบาลพยายามดูแลพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากโควิด-19 พยายามจำกัดผู้คน ไม่ว่างานอะไรก็แล้วแต่ และขอความร่วมมือไม่ไปในที่คนรวมตัวกันมาก ท่านอาจจะสังสรรค์ในกลุ่มพี่น้อง ในครอบครัว ในที่เขาจัดงานใหญ่ ถ้าไม่จำเป็นขอให้งด ให้อยู่บ้านไปก่อน”

5. ศาลพิพากษาจำคุก "กานต์" ภรรยา "เสก โลโซ" 6 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีไลฟ์สด-เปิดเพลงหมิ่นประมาท "อีฟ แม็กซิม"!


เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ น.ส.อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ หรืออีฟ แม็กซิม อายุ 31 ปี อดีตรองมิสแม็กซิม ไทยแลนด์ 2008 อดีตภรรยานายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดัง วัย 47 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.วิภากร หรือกานต์ ศุขพิมาย อายุ 48 ปี ภรรยา เสกโลโซ บริษัท ลัสเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด และนายรัฐนนท์ เจียงวิเชียร นักแต่งเพลง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ

โดยโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2562 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายด้วยการที่จำเลยที่ 1 นำเพลงบริษัท จำเลยที่ 2 แต่งโดยจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มาเปิด ขณะที่จำเลยที่ 1 ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยนำเสียงของโจทก์ใส่ไว้ในเนื้อเพลงว่า "อาบอยู่... โป๊อยู่...ไม่ได้ใส่ชุดเนี้ย" และเนื้อเพลงดังกล่าวได้ใส่ความโจทก์ทำนองว่า "เสนียดจัญไร อยู่ในบ้าน เอ้า ออกไปสักทีเปลืองยาฆ่าแมลง เจอแต่ผีบ้าหน้าด้าน" และข้อความอื่น ๆ ในลักษณะลดคุณค่าโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย

หลังศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่าคดีมีมูล จึงประทับฟ้องคดีไว้ และสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยจำเลยได้รับการประกันตัว

เมื่อศาลนัดฟังคำพิพากษา น.ส.วิภากร หรือกานต์ จำเลยที่ 1 และในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เดินทางมาศาล พร้อมทนายความ ส่วนฝ่ายโจทก์ มีเพียงทนายความ มาฟังคำพิพากษา

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า วันเกิดเหตุ น.ส.วิภากร จำเลยที่ 1 ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก Wiphakorn Karn ซึ่งเป็นชื่อบัญชีเฟซบุ๊กของจำเลยที่ 1 โดยเปิดเพลงที่มีการนำน้ำเสียงของ น.ส.อภิสร์ญา โจทก์ ไปใส่ในเนื้อเพลง โดยนายรัฐนนท์ จำเลยที่ 3 เป็นผู้แต่งเพลง และบริษัท ลัสเตอร์ฯ จำเลยที่ 2 เป็นบริษัทของจำเลยที่ 1 รวมทั้งยังลงข้อความในเฟซบุ๊กทำนองหมิ่นประมาท ทำให้บุคคลทั่วไปที่เห็นหรือได้ยิน เข้าใจว่าหมายถึงโจทก์ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาท ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี

ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ให้จำคุก น.ส.วิภากร จำเลยที่ 1 และนายรัฐนนท์ จำเลยที่ 3 คนละ 6 เดือน ปรับจำเลยที่ 3 เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท และปรับบริษัท ลัสเตอร์ฯ จำเลยที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท

ทั้งนี้ ศาลระบุว่า พฤติการณ์ของ น.ส.วิภากร จำเลยที่ 1 ที่กระทำความผิดทำนองเดียวกันหลายครั้ง และไม่มีการยั้งคิดถึงผลของการกระทำที่จะยังอยู่ในสื่อสังคมออนไลน์ และส่งผลกับโจทก์เป็นเวลานาน จึงไม่เห็นสมควรที่จะรอการลงโทษ ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น ไม่เคยปรากฏว่า เคยกระทำความผิดมาก่อน โทษจำคุก จึงให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 โดยให้คุมประพฤติไว้ 1 ปี และให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติทุก 4 เดือนต่อครั้ง รวมทั้งให้จำเลยทั้งสามลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวัน เป็นเวลา 3 วัน โดยให้จำเลยทั้งสามออกค่าใช้จ่าย

ด้านนายอธิภัทร ภัทรมงคลชัย ทนายความของ อีฟ แม็กซิม เผยว่า ลูกความได้มีการฟ้องร้องในคดีหมิ่นประมาทกับ น.ส.วิภากร ทั้งหมด 4 คดี คดีนี้เป็นคดีสุดท้าย ก็รู้สึกพอใจกับผลของคำพิพากษา ซึ่งทางลูกความต้องการเพียงปกป้องศักดิ์ศรี และชื่อเสียง จึงอยากให้เป็นกรณีตัวอย่างว่า การจะไปตำหนิต่อว่าผู้อื่นในลักษณะหมิ่นประมาท ต้องไตร่ตรองให้ดี เพื่อจะได้ไม่ให้ตนเองเดือดร้อนในภายหลังจากการเป็นคดีความ

ส่วนจะมีการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายหรือไม่นั้น นายอธิภัทร กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือกับลูกความ แต่จุดประสงค์หลักของการฟ้องร้องที่ผ่านมา คือต้องการปกป้องศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของลูกความเท่านั้น

ด้าน น.ส.วิภากร หรือกานต์ หลังศาลอ่านคำพิพากษา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาต โดยตีราคาประกัน 50,000 บาท หลังจากได้ประกันตัว น.ส.วิภากร หรือกานต์ ได้ขึ้นรถเดินทางกลับทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น