นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ และทนายความ ระบุภาครัฐต้องเข้ามาให้ความรู้ ดูแล ในกรณี “ขายอวัยวะเพื่อแลกกับทรัพย์สิน” ระบุลองใครไปซื้อเจอข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัส หมอที่รับทำโดนคดีอาญาและเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพ
จากกรณีเพจ “สำนักข่าวธรรมาภิบาลโพสต์” เล่าเรื่องราวสะเทือนใจของครอบครัวหนึ่งประกาศขายดวงตา ไต ทั้งครอบครัว เพื่อนำเงินมาไถ่ถอนที่ดินจากกรมบังคับคดีเนื่องจากไปค้ำประกันรถไถให้เพื่อน ล่าสุดครอบครัวดังกล่าวเดินเท้าเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 ต.ค. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความในกรณีดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ในหัวข้อ “สิทธิ-เสรีภาพในการขายอวัยวะ?” โดยได้ระบุข้อความว่า
“ผมอ่านข่าวครอบครัวหนึ่งไปค้ำประกันบุคคลภายนอกซื้อรถไถ ต่อมาผู้เช่าซื้อไม่ชำระ ผู้ค้ำประกันก็ถูกฟ้องยึดทรัพย์ จึงประกาศขายดวงตา ขายไต และอวัยวะอื่นๆ เพื่อชำระหนี้
เรื่องสิทธิในเนื้อตัว ร่างกาย ผมเคยเขียนมาหลายครั้งแล้ว ว่า แม้มนุษย์เป็นเจ้าของร่างกาย แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถขายอวัยวะตนเองเพื่อแลกกับเงิน แม้อวัยวะนั้นเป็นของตัวเอง ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเด็กผู้หญิงขายภาพการมีเพศสัมพันธ์ในเว็บ onlyfans แล้วผมก็ถูกเด็กๆ ด่ามาเยอะว่ามันเป็น “สิทธิ” ในเนื้อตัวร่างกายของเขา เขามีสิทธิจะทำอะไรกับเนื้อตัวร่างกายของเขาก็ได้
กรณีการประกาศขาย ดวงตา ไต หรืออวัยวะของตนเช่นเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ลองใครไปซื้อดวงตา ไต ของเขาดูสิครับ ข้อหาแรกที่คุณจะโดนคือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัส หมอที่ไปรับทำก็โดนอาญา และเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพไปด้วยแน่นอน
บางคนอาจจะเถียงว่า ก็เห็นพ่อบริจาคไต ดวงตา ให้ลูกได้ ก็ตอบว่านั่นเป็นการ “บริจาค” เพื่อช่วยชีวิต ไม่ใช่การ “ขายอวัยวะเพื่อแลกกับทรัพย์สิน”
เรื่องแบบนี้จะมีมากขึ้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเข้ามาดูแล รวมถึงนักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์ รวมถึงนักการเมือง ก็ควรวางหลักและให้ความรู้เรื่อง “สิทธิ-เสรีภาพ และความเสมอภาค” ที่ถูกต้องแก่ประชาชน ผมก็ให้กำลังใจครอบครัวนี้ สังคมและรัฐต้องเข้ามาดูแลเขาครับ”