คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย แนะรัฐบาลเอาอย่างโมเดลการฉีดวัคซีนและการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของสหรัฐฯ ที่สะดวกสบาย ฉีดได้ในร้านขายยา ตรวจหาเชื้อฟรี รู้ผลไว ดีกว่าการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อเร่งเปิดเมือง เปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจ
วันนี้ (30 ก.ย.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan” โพสต์ข้อความแนะไทยควรเอาอย่างอเมริกาในเรื่องของการฉีดวัคซีน-การตรวจหาเชื้อ ที่มีความสะดวกสบาย อีกทั้งสามารถช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้อีกด้วย ทั้งนี้ หญิงหน่อยได้ระบุข้อความว่า
“ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า หลังจากที่ดิฉันเคยแสดงความคิดเห็นเมื่อ 2 เดือนที่แล้วว่า สิ่งที่ไทยต้องรีบทำในขณะนี้คือ “การทำให้คนไทยใช้ชีวิตอยู่กับ COVID ได้อย่างปกติและปลอดภัยมากขึ้น”
ซึ่ง “หัวใจ” สำคัญอยู่ที่
1) การเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิผลให้ประชาชนอย่างทั่วถึง
2) การให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจเชื้อฟรี! ได้สะดวก
เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขแบบ New Normal คนไทยสามารถกลับมาทำมาหากิน เปิดเมือง เปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในขณะนี้ใกล้ถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่วงทำรายได้ให้แก่คนไทย
สิ่งที่ดิฉันเห็นในการมาอเมริกาครั้งนี้คือ ทุกธุรกิจเปิดทำการอย่างปกติ ทั้งร้านอาหาร ผับ บาร์ ยิม นวดสปา รวมทั้งสนามกีฬาและโรงหนัง ซึ่งชาวอเมริกันกลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
เพราะรัฐบาลอเมริกาเร่งฉีดวัคซีนฟรี! ให้แก่ประชาชนทุกคน รวมทั้งนักท่องเที่ยว ฉีดได้ทุกร้านขายยาทั้ง CVS และ Walgreens ทั่วประเทศ อย่างสะดวกมากค่ะ ทุกคนสามารถ Walk in หรือจองล่วงหน้าก็ได้ โดยใช้เวลาลงทะเบียนจนถึงฉีดเสร็จใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที รวมทั้งทุกสนามบินจะมีจุดให้ฉีดวัคซีนฟรี นอกจากนั้น การตรวจโควิดก็สะดวกสบาย มีบริการตรวจ PCR ฟรีทุกร้านขายยา และมีรถเคลื่อนที่จอดทุกมุมถนนใหญ่ หลังตรวจ 4 ชม.ก็ส่งผลเข้าโทรศัพท์เลย
ดังนั้น การจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิผลฉีดให้ประชาชนอย่างทั่วถึง ไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยตรง ตามข้อมูลของสหพันธ์ธุรกิจค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Retail Federation) กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเป็นตัวแปรที่สำคัญในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การเปิดเมือง และการบูรณะประเทศ โดยคาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 2 นี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสหรัฐอเมริกา จะฟื้นตัวกลับมาจุดสูงสุดก่อนวิกฤตโควิดอีกครั้ง
ในทางกลับกัน ประเทศไทยมีการฟื้นตัวจากวิกฤตอยู่ในอันดับท้ายๆ ของโลก โดยอยู่อันดับที่ 118 จากการสำรวจทั้งหมด 121 ประเทศทั่วโลก ตามข้อมูลของ Nikkei COVID-19 Recovery Index อีกทั้งการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับประมาณการทางเศรษฐกิจไทยลงในปีนี้ว่าจะติดลบร้อยละ 0.5
แทนที่ปีนี้จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เป็นปีที่คนไทยจะได้ต่อลมหายใจทางเศรษฐกิจได้อีกเฮือก ทั้งหมดนี้เกิดจากความไม่มีประสิทธิภาพ และความล่าช้าในการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล รวมไปถึงการไม่วางแผนให้คนไทยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคโควิดได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องเร่งทำคือการจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิผลมาให้คนไทยอย่างเพียงพอ และรวดเร็ว เพื่อเร่งเปิดเมือง เปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ทันกับประเทศอื่นทั่วโลก ไม่ใช่ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ ศบค.เพิ่งมีมติออกมา เพราะนอกจากจะไม่สามารถควบคุมโรคได้จริงแล้ว ยังเป็นอุปสรรคขัดขวางกั้นการทำมาหากินของประชาชน และทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นในการเข้ามาเที่ยวในประเทศ”