สำนักงานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาลงดาบวินจักรยานยนต์นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เบอร์ 19 ที่ขี่รถปาดหน้าและด่าโชเฟอร์แท็กซี่ที่รับผู้โดยสารจากนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินไปโรงพยาบาล
จากกรณีเพจ “เจ๊ม้อยv plus” ได้เผยแพร่คลิปการปะทะคารมระหว่างผู้ขับขี่รถจักรยายนยต์รับจ้างกับโชเฟอร์แท็กซี่ พร้อมข้อความระบุว่า “คุณไม่มีสิทธิ์ข่มขู่ใคร เป็นสิทธิ์ของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้บริการ น้องรีบที่จะไปโรงพยาบาลเพราะแม่ป่วย แต่คุณมาจอดขวางถนนเช่นนี้ มันสมควรหรือไม่ บังคับให้ผู้โดยสารลงจากรถ ช่วยออกมาอธิบายให้สังคมได้เข้าใจกับสิ่งที่คุณทำด้วย ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบค่ะ นิคมบางปะอิน อยุธยา”
อ่านข่าวประกอบ - มอเตอร์ไซค์ใหญ่คับนิคมฯ ปาดหน้ารถแท็กซี่ห้ามเข้ามารับ ตำรวจบางปะอินแค่ตักเตือน
ล่าสุดวันนี้ (11 ก.ย.) เพจ “ประชาสัมพันธ์กระทรวงคมนาคม” ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้น เผยว่า “สำนักงานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเรียกตัว นายประพันธ์ รื่นนาม ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง เบอร์ 19 วินนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ที่ปรากฏในภาพข่าวมาให้ถ้อยคำ และชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยยอมรับว่าได้ก่อเหตุตามที่ปรากฏเป็นข่าวจริง และได้เล่าถึงความเป็นมาของปัญหาดังกล่าวว่า
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2552 ได้มีกลุ่มบุคคลนำรถแท็กซี่ไปตั้งวินจอดรอรับผู้โดยสารภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ทำให้กีดขวางการจราจร และเกิดปัญหาทะเลาะวิวาทกับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ดังนั้น ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินจึงได้จัดระเบียบการให้บริการรถสาธารณะภายในนิคมฯ ด้วยการกำหนดห้ามมิให้รถแท็กซี่เข้ามาตั้งวินรับผู้โดยสารภายในนิคมอุตสาหกรรม แต่สามารถเข้ามาส่งผู้โดยสารได้เท่านั้น ซึ่งในวันที่เกิดเหตุเมื่อพบว่ามีรถแท็กซี่รับผู้โดยสารออกมาจากนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ตนจึงได้เรียกให้ผู้ขับรถแท็กซี่หยุดและแจ้งว่าทางนิคมฯ ไม่อนุญาตให้รับผู้โดยสารออกมาได้ตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว
สำนักงานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาดำเนินการอบรม และชี้แจงให้นายประพันธ์ทราบและเข้าใจกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายเกี่ยวกับการให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารของรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์สาธารณะในส่วนที่กฎหมายที่กำหนดว่าอะไรที่ทำได้และอะไรที่ทำไม่ได้ให้นายประพันธ์รับทราบ โดยรถแท็กซี่สามารถที่จะให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารได้ตามความต้องการของผู้โดยสารได้ การที่ผู้ที่ขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะไปขัดขวางตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าวจึงถือเป็นความผิด จึงได้เปรียบเทียบปรับในข้อหาความผิดฐานใช้กิริยาวาจาไม่สุภาพกับผู้โดยสารหรือผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นๆ เป็นจำนวน 1,000 บาท และกำชับว่า หากพบว่ามีพฤติกรรมที่ไม่สุภาพ หรือฝ่าฝืนกฎหมายอีกจะพิจารณาลงโทษตามกฎหมายต่อไป”
