xs
xsm
sm
md
lg

“รศ.หริรักษ์” เผยเรื่องน่ากลัว “ระบอบทักษิณ” จะกลับมา หากม็อบชนะและนายกฯลาออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชำแหละ car mob และ car park เชื่อ เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนำทักษิณกลับบ้าน ชี้ หากม็อบทำให้นายกฯลาออกได้ ระบอบทักษิณจะกลับมาครอบงำประเทศไทยอีกครั้ง และนั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

วันนี้ (21 ส.ค.) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นการจัด car mob และ car park ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Harirak Sutabutr” โดยมีใจความว่า

“การจัด car mob และ car park โดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ สมบัติ บุญงามอนงค์ และการจัดม็อบที่รุนแรงขึ้นอย่างถี่ยิบของกลุ่ม 3 นิ้ว หลังจากที่ทักษิณประกาศจะกลับบ้าน และการที่ณัฐวุฒิเปลี่ยนใจ ไม่ออกไปร่วมชุมนุมกับม็อบ 7 สิงหา ที่ต้องการบุกไปพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งการกระทบกระทั่งกันระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เรื่องตัวบุคคลที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งทำท่าจะลุกลามบานปลาย กลับจบลงอย่างฉับพลัน แม้จะมีคนสำคัญของกลุ่ม 3 นิ้วโพสต์ข้อความโจมตีทักษิณด้วยความหมั่นไส้ก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ ทำให้สามารถมีข้ออนุมานได้อย่างน้อย 3 ประการคือ

ประการที่ 1 การจัดม็อบของณัฐวุฒิและสมบัติ เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนำทักษิณกลับบ้าน ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะไม่สามารถรอให้รัฐบาลครบวาระ ซึ่งเหลืออีกเพียงปีครึ่งเท่านั้นได้ ซึ่งการจัดม็อบคงทำไม่ได้หากไม่มีเงินสนับสนุน และเป็นไปได้ว่าเงินสนับสนุนจะเผื่อแผ่ไปถึงม็อบป่วนเมืองด้วย

ประการที่ 2 มีการตกลงร่วมมือกันระหว่างทักษิณกับธนาธร และกลุ่ม 3 นิ้ว เพื่อล้มรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่จะมีสหรัฐอเมริกาหนุนหลังหรือไม่ ต้องใช้วิจารณญาณกันเอง

ประการที่ 3 น่าจะมีความขัดแย้งทางความคิดระหว่างทักษิณ และกลุ่มของธนาธร ในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ฝ่ายแรกยังไม่ต้องการแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างโจ่งแจ้งในขณะนี้ แต่ฝ่ายหลังเดินหน้าไปไกลมากเกินกว่าที่จะหยุดได้ อีกทั้งไม่สามารถที่จะคุมเด็กรุ่นใหม่ที่มีทัศนคติที่เกิดจากการบ่มเพาะขัดเกลาจนเป็นเช่นที่เห็น ให้หยุดการล่วงเกินสถาบันได้

จากข้ออนุมานดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่า การจัดม็อบจะยังมีต่อไปเรื่อยๆ อาจต้องมีการปรับยุทธวิธีบ้าง แต่การลงท้ายด้วยการป่วนเมือง น่าจะยังมีต่อไป และพยายามจะให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นถ้าทำได้ เพราะหากสถานการณ์ยังอยู่ในระดับเดิม ก็ยากที่จะทำให้ พลเอก ประยุทธ์ ยอมลาออกได้ แต่หากสถานการณ์ความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนถึงขั้นเกิดจลาจลหรือสงครามกลางเมือง พลเอก ประยุทธ์ จะมีทางเลือก 2 ทาง หนึ่งคือยอมลาออก ตามข้อเรียกร้อง ทางเลือกที่สองคือ ประกาศกฎอัยการศึก ใช้ทหารสลายม็อบ หรือถึงขั้นทำรัฐประหาร

หาก พลเอก ประยุทธ์ ยอมลาออก ยังไม่มีใครบอกได้ว่า ฝ่ายใดจะได้จัดตั้งรัฐบาล การจับมือกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย ไม่อาจบอกว่า เป็นไปไม่ได้ และหากเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยมี 2 พรรค คือ พรรคก้าวไกล กับพรรคประชาธิปัตย์ คงต้องไปเป็นฝ่ายค้าน อย่างไรก็ดี พรรคเพื่อไทยดูจะถือไพ่เหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐ ตรงที่มีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี 2 คน หากไม่นับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ออกไปตั้งพรรคไทยสร้างไทย ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ มี พลเอก ประยุทธ์ เพียงคนเดียว และคงไม่ยอมปล่อยให้ให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตกไปถึงพรรคภูมิใจไทย

หากมีการทำรัฐประหาร จะมีคนไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก สหรัฐอเมริกาจะไม่มีทางยอมรับรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร แบบเดียวกับที่ไม่ยอมรับรัฐบาลเมียนม่า และสหรัฐอเมริกาและประเทศที่เป็นบริวาร จะพร้อมใจกันกดดันให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว พร้อมทั้งให้การสนับสนุนพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่ไม่เอนเอียงไปทางจีนให้ได้เป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกใด ทักษิณล้วนได้ประโยชน์ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะทุ่มเต็มที่เพื่อให้เกิดสถานการณ์ที่ทำให้พลเอก ประยุทธ์ และผู้สนับสนุนต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้

สัญญาณที่เป็นข่าวดีสำหรับรัฐบาล คือ ผู้ก่อม็อบยังไม่สามารถระดมคนได้มากพอที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และในช่วงเย็นตอนป่วนเมืองนับวันยิ่งมีคนน้อยลงไปอีก จึงยังไม่ถึงขั้นจะเรียกว่าม็อบ แต่เป็นเพียงกลุ่มเด็กแว้นป่วนเมือง ซึ่งถ้าเป็นเด็กแว้นตามปกติ ตำรวจคงจัดการได้สะดวกและคงจบไปแล้ว แต่เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับการเมือง ทำให้ทำอะไรไม่ได้ถนัด ต้องคอยระวังตลอดเวลา กระนั้นยังเชื่อว่าต้องมีตำรวจที่อารมณ์หลุดไปบ้าง หากยังไม่หลุด ก็จะต้องมีวันหลุดจนได้ เพราะการป่วนเมืองเกิดขึ้นทุกวัน และนั่นคือสิ่งที่ผู้วางแผนต้องการ สื่อต่างๆ ที่อยู่ในมือ ต่างก็รอคอยโอกาสเช่นนี้อยู่แล้ว

เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ไป สิ่งที่รัฐบาลควรต้องทำขณะนี้ คือ ทำความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องการจัดหา และจัดการวัคซีนให้ปรากฏอย่างปราศจากความคลุมเครือทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อกังขาเรื่อง sinovac ไม่ใช่เพียงตอบคำถามว่าทำไมจึงต้องสั่งซื้อ sinovac เพิ่ม แต่ต้องตอบคำถามเรื่องราคาว่าแพงกว่าจริงหรือไม่ให้ชัดเจนกว่านี้ และที่สำคัญคือ มีความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้ออย่างที่มีการกล่าวหาหรือไม่ หากมีจริง นายกรัฐมนตรีจะต้องจัดการอย่างเด็ดขาด และไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่เช่นนั้นความนิยมประชาชนต่อรัฐบาลจะเสื่อมลงกว่านี้

ไม่น่าเชื่อว่า ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไร้เดียงสาพอที่จะยังเชื่อว่า ทักษิณไม่มีบทบาทอะไรต่อการเมืองไทยได้อีกแล้ว แต่รัฐบาลและทหารกุเรื่องทักษิณขึ้นมาเพื่อดึงคนที่เกลียดทักษิณเข้ามาเป็นพวก ลองดูว่า หากรัฐบาลยังอยู่ต่อไปได้จนมีการเลือกตั้งครั้งหน้า คาดว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่ต้องการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก แต่จะไม่แปลกใจเลยว่า พรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย จะจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคก้าวไกลอาจจำใจต้องเป็นฝ่ายค้าน หากเป็นเช่นนั้นจริง ระบอบทักษิณฉบับแก้ไขปรัปปรุง จะกลับมาครอบงำประเทศไทยอีกครั้ง และนั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด”

กำลังโหลดความคิดเห็น