กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า “ทะลุฟ้า” ประกาศเข้าร่วมคาร์ม็อบกับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พรุ่งนี้ (15 ส.ค.) จุดนัดพบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่ก่อนหน้านี้ ณัฐวุฒิ อ้าง 6 โมงเย็น แค่บีบแตรยาวไล่ประยุทธ์เฉยๆ แล้วแยกย้ายกลับบ้าน ไม่เข้าบ้านประยุทธ์ ไม่มีลุย ไม่มีบวก ไม่มีปะทะ แต่ย้อนกลับไปม็อบ “10 สิงหา” ขนาดทวิตเตอร์ “รุ้ง-ปนัสยา” ขอให้ถอนออกมาแนวปะทะก็ยังห้ามไม่อยู่ ตีกับตำรวจ เผาป้อมตำรวจ ทุบทำลายทรัพย์สิน คฝ.เจ็บ 6 นาย
วันนี้ (14 ส.ค.) เฟซบุ๊ก “ทะลุฟ้า-thalufah” ของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มทะลุฟ้า ของ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน (ขณะนี้ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ) โพสต์ข้อความระบุว่า “ประกาศ! ทะลุฟ้าเข้าร่วม 15 สิงหา Car Park ไล่ประยุทธ์ ขบวนพวกเราจะเริ่มที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ขบวน Car Park มี 3 จุด 1. จุดนัดพบวินรถตู้ตรงข้ามอยุธยาปาร์ก (ปลายทางห้าแยกลาดพร้าว) 2. จุดนัดพบแยกราชประสงค์ 3. จุดนัดพบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันหยุดนี้สะดวกที่ไหนไปที่นั่น ร่วมกันออกไปขับไล่ประยุทธ์กันค่ะ”
ก่อนหน้านี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงข่าวรายละเอียดกิจกรรมนัดชุมนุม CAR PARK #ไล่ประยุทธ์ เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ออกจากตำแหน่ง ในวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่า กิจกรรมดังกล่าวจะเคลื่อนตามเส้นทาง ที่กำหนดจุดนัดหมายไว้ 3 จุด โดยทุกจุดจะเคลื่อนขบวนพร้อมกันเวลา 15.00 น. ซึ่งจะมีการปราศรัยและแสดงดนตรี โดยเมื่อถึงเวลา 18.00 น. จะหยุดขบวน และกดแตรยาวตามเวลาเพลงชาติ เพื่อเป็นสัญญาณของการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ออกจากตำแหน่ง ก่อนจะยุติกิจกรรม
“หลายวันมานี้มีการปะทะระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม จนเป็นภาพชินตา ดังนั้น การเคลื่อนขบวนครั้งนี้ จำเป็นต้องพูดคุยกันให้ชัด ถึงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม ดังนั้น จะขอชักธงสันติ ไม่ใช่ธงสงคราม และไม่ว่าจะเกิดอะไรมาก่อนหน้านี้ หวังว่า ทุกคนจะยุติความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจากฝ่ายใด ขอย้ำว่า จะหลีกเลี่ยงเส้นทางเฝ้าระวัง หรือพื้นที่เปราะบางที่จะถูกมาใช้เป็นเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้าได้ ทั้งทำเนียบรัฐบาล และบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ ที่กรมทหารราบที่ 1 โดยจะไม่มีลุย ไม่มีบวก ไม่มีปะทะ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นและจบลงตามกำหนดเวลา และทุกคนต้องกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ตนยินดีที่จะติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพร้อมที่จะเจรจาทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายทั้งก่อนหรือหลังกิจกรรม” นายณัฐวุฒิ ระบุ
แต่หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย น.ส.เบนจา อะปัญ และ นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา หรือ เอม จัดกิจกรรม “คาร์ม็อบ แสดงพลังขับไล่ทรราช” เคลื่อนขบวนรถยนต์และรถจักรยานยนต์จากแยกราชประสงค์ ไปยังอาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ก่อนเคลื่อนไปยังบ้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ตรงข้ามซอยเลิศแก้ว ถนนพระราม 9 และอาคารคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ปรากฏว่า มีกลุ่มวัยรุ่นเคลื่อนขบวนไปยังสามเหลี่ยมดินแดง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแนวป้องกัน ถ.วิภาวดี-รังสิต เกิดการปะทะกันเป็นครั้งที่สอง
แม้ทวิตเตอร์ของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หนึ่งในแกนนำจะโพสต์ว่า “ใครที่อยู่ในแนวปะทะขอให้ถอนออกมา นี่ไม่ใช่เป้าหมายของเรา” แต่ผู้ชุมนุมที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นยังคงปะทะกับตำรวจที่สามเหลี่ยมดินแดงจรดค่ำ ขณะที่ นายณวรรษ ได้จัดกิจกรรมสาดสีแดงหน้าตึกคิง เพาเวอร์ ก่อนที่จะประกาศยุติกิจกรรมในเวลา 17.05 น. แล้วกลับบ้านไป เหลือแต่ผู้ชุมนุมกลุ่มวัยรุ่นปะทะกับตำรวจ ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สรุปความเสียหายจากกิจกรรมคาร์ม็อบของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พบว่า ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 6 นาย จับกุมผู้กระทำความผิดได้ 6 ราย ตู้ยามตำรวจจราจรแยกดินแดงถูกเผา ทรัพย์สินทางราชการบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถูกทุบทำลาย และตู้ยามจราจรตำรวจ สน.พญาไท ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถูกเผาทำลายเช่นกัน
อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการชุมนุมวันที่ 7 ส.ค. 10 ส.ค. 11 ส.ค. และ 13 ส.ค. แม้แกนนำจะประกาศยุติการชุมนุม แต่ก็มีผู้ชุมนุมที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นปะทะกับเจ้าหน้าที่้ตำรวจจรดค่ำ ก่อนจะสลายตัวไปก่อนเวลาเคอร์ฟิว และมักจะเกิดขึ้นบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง อุโมงค์ดินแดง และแฟลตดินแดง ขณะที่ผ่านมาเท่าที่เช็กข่าวมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีได้แค่จับกุมวัยรุ่น 2 คน ที่เผารถควบคุมผู้ต้องขังที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. คือ นายอาทิตย์ สากลวารี อายุ 20 ปี และนายน้ำเชี่ยว เนียมจันทร์ อายุ 20 ปี เท่านั้น