ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต ที่ปรึกษา ศบค. โพสต์เฟซบุ๊กตอบข้อสงสัย สาเหตุการเลื่อนฉีดวัคซีนของผู้ที่ลงทะเบียนในหมอพร้อม เนื่องจากเกิดเหตุระบาดหนักขึ้น จึงต้องโยกวัคซีนไปฉีดให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงก่อน
เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค. โพสต์เฟซบุ๊ก “Warat Karuchit” อธิบายถึงสาเหตุการถูกเลื่อนคิวการฉีดวัคซีน และการที่เราต้องสั่งซิโนแวคมาเพิ่ม โดยได้ระบุข้อความว่า
“จริงๆ สิ่งที่ผมจะแจ้งนั้นผมเคยพูดไปแล้ว (และทั้งหมดเป็นข่าวหรือมีการแถลงไปแล้ว ดังนั้นไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด) แต่หลายๆ คนก็ยังสอบถามและอาจจะรู้สึกไม่พอใจ ผมจึงจะขอแจ้งอีกครั้งครับ
ความจริงก็คือ นโยบายวัคซีนของเรา แผนแรก จะฉีดให้คนแก่และกลุ่มเสี่ยงก่อน ตั้งแต่เดือน มิ.ย. และ ก.ค.ให้หมด แล้วจึงเริ่มฉีดประชาชนทั่วไปในเดือน ส.ค. หลังจากนั้นเกิดการระบาดในคลัสเตอร์ต่างๆ รวมทั้งเรามีความหวังจะเริ่มเปิดเมือง เปิดเทอม เราจึงปรับแผนฉีดให้กลุ่มอาชีพ กลุ่มพื้นที่เศรษฐกิจ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปด้วย
แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะจากเชื้อกลายพันธุ์ที่แพร่กระจายง่ายขึ้น แต่ที่สำคัญคือ มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่อายุเกิน 60 และผู้มีโรคประจำตัว ดังนั้น คณะกรรมการที่ปรึกษาทางสาธารณสุข ของ ศบค.จึงให้คำแนะนำว่า จำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงก่อน ให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต เพราะผู้ติดเชื้อในกลุ่มอื่นส่วนใหญ่มีอาการน้อย ดังนั้นเราจึงปรับนโยบายวัคซีนอีกครั้ง โดยวัคซีนจำนวนประมาณ 10 ล้านโดสในเดือน ก.ค.นี้ (AZ+SV) 80% จะนำไปฉีดให้แก่กลุ่มคนแก่และกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีอัตราเสี่ยงสูงสุด
นั่นคือเหตุผลที่กลุ่มที่ลงหมอพร้อมไม่มีการเลื่อนคิวเหมือนตอนแรก และหลายจุดฉีดวัคซีนเชื้อเชิญให้คนแก่และกลุ่มเสี่ยงเข้าไปรับการฉีดวัคซีนได้เลยโดยไม่ต้องจองก่อน แต่เพราะวัคซีนเรายังมีไม่มากพอ ผลของการระดมฉีดให้คนแก่และกลุ่มเสี่ยง ก็คือการที่กลุ่มประชาชนทั่วไปหลายคนอาจจะต้องถูกเลื่อนออกไป และน่าจะไม่เปิดให้จองเพิ่มจนกว่าวัคซีนจะเข้ามาเสริมมากพอ หรืออาจจะเรียกได้ว่ากลับไปสู่แผนแรกที่เคยวางไว้
อย่างไรก็ตาม หากได้วัคซีนเข้ามาเสริมทันเวลา ซึ่งก็คือ ซิโนแวค 28 ล้านโดสที่ไทยสั่งเพิ่ม ก็ย่อมจะนำมาฉีดให้กับประชาชนทั่วไป (เพราะคนแก่+กลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศมีทั้งหมด 16 ล้าน ย่อมมีเหลือพอ) หรือแม้กระทั่งเด็ก (จากการศึกษาที่ประเทศจีนที่พบว่าซิโนแวคสามารถฉีดให้เด็กได้อย่างปลอดภัย) ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องสั่งซิโนแวคเข้ามาเสริมในช่วงที่วัคซีนเรายังมาไม่เพียงพอ
และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมหลายท่านถึงอาจจะถูกเลื่อนคิวการฉีดวัคซีนออกไปก่อน ทุกท่านได้เสียสละเพื่อรักษาชีวิตของผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงครับ”