อดีตทูตนริศโรจน์โวย การจัดการวัคซีนของรัฐบาลผิดพลาดเพราะอภิสิทธิชน เตือนอย่าปล่อยให้ศรัทธาของคนเสื่อมโดยไม่จำเป็น พบหนังสือพิมพ์ลงบทความกลางเดือนที่แล้วแฉ "กลุ่มวีไอพี" ระดับคุณหญิง คุณนาย ไฮโซ ไฮซ้อ ยื่นบัตรประชาชนพร้อมโค้ดลับ "รุ่งเรือง" ได้ฉีดวัคซีนก่อนใคร ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ภาพสะพัดโซเชียลฯ ผ่านไปครึ่งเดือนเรื่องยังเงียบ
วันนี้ (8 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ของนายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ภาพบทความหนังสือพิมพ์ในหัวข้อ วัคซีนช้า! เจอ 'ชักดาบ' ระบุว่า "ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยรัฐมาตลอดนะ แต่ต้องยอมรับความจริงกันบ้างเถอะว่ามันมีความผิดพลาดที่มาจาก “อภิสิทธิชน” จริงๆ (ผมยืนยันได้เพราะเจ้าตัวเล่าให้ผมฟังเองว่าเขาได้ฉีดโดยไม่ได้เข้าแอปฯ ใดๆ)
เอาเถอะ เรื่องแบบนี้ ถ้าใครจะหลับหูหลับตาไม่ยอมรับคำเตือนกันบ้างเลย แล้วปล่อยให้เป็นปัญหาคาใจกับคนที่เขาทำตามกติกาทุกอย่าง มันก็ห้ามความรู้สึกของคนที่เขาตั้งความหวังแล้ว “ผิดหวัง” ในช่วงวิกฤตรุนแรงระดับโลกแบบนี้ไม่ได้หรอก
เพราะทุกวัน ทุกนาทีมันคือความเป็นความตาย ใครๆ ก็อยากรอดกันทั้งนั้น !
ผมยังเป็นมนุษย์ปุถุชน ไม่ใช่พระที่บรรลุอรหันต์แล้วถึงจะปล่อยวางได้ !!!
ใครหวังดีโลกสวยอยากอวยก็อวยกันไปเถิด !
แต่ผมกลับมองว่าอะไรที่ควรเตือนเพื่อให้แก้ไขได้ต้องรีบทำ !!!
อย่าปล่อยให้ศรัทธาของคนเสื่อมโดยไม่จำเป็น !!!
ผมไม่ใช่ประเภทนั่งอวยกันอยู่แต่ในห้อง echo chamber แล้วคอยบอกคนอื่นว่า “ใจเย็นๆ นะ คิดถึงส่วนรวมนะ” แล้วก็นั่งมองอภิสิทธิชนแทรก/แซงคิวผ่านหน้าคนอื่นไปแบบนี้ ผมทนโลกสวยไม่ไหวครับ !!!!
กติกาต้องเป็นกติกา ถ้าไม่ทำตามกติกา ก็ต้องยอมรับคำตำหนิติเตียนให้ได้เช่นกัน !"
สำหรับบทความหัวข้อ "วัคซีนช้า! เจอ 'ชักดาบ'" ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 15 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ในคอลัมน์ มองรอบทิศ โดย พยัคฆ์น้อย ระบุว่า
"คนในกระทรวงสาธารณสุขบ่นให้ฟังว่า อุตส่าห์ลงทะเบียน "หมอพร้อม" ให้พ่อ-แม่อายุเกิน 60 ปี เพื่อฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แล้วได้วันฉีดในช่วงสัปดาห์ที่ 2-3 เดือน มิ.ย.นี้ ถึงแม้จะล่าช้าไปหน่อย แต่ถ้าเข้าตามระบบก็พอรอได้
แต่ที่ไม่เข้าตามระบบ คือเมื่อ 3 วันก่อน "กลุ่มวีไอพี" นับร้อยคนทยอยเดินทางมายัง รพ.ศรีธัญญา กระทรวงสาธารณสุข แล้วแค่โชว์บัตรประชาชน พร้อมกับพูดว่า "รุ่งเรือง" ก็ได้รับปักเข็มฉีดวัคซีน ทั้งที่วีไอพีกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นแพทย์ พยาบาล คนกลุ่มเสี่ยง หรืออาสาสมัครแต่อย่างใด
แต่เป็นคุณหญิง คุณนาย ไฮโซ ไฮซ้อหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม นั่งรถตู้หรูหรา บางคนมาจาก จ.เชียงราย บ้างก็เป็นสาว "พริตตี้" มาจากเมืองน่าน โดยมีผู้ใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุขมาเดินทักทายกลุ่มวีไอพีขณะฉีดวัคซีนด้วย
เห็นว่ามีการจัดโควตาฉีดวัคซีนให้กลุ่มวีไอพี ที่มีรหัสเรียกขานว่า "รุ่งเรือง" สัปดาห์ละ 1 วัน ไปจนถึงต้นเดือน มิ.ย. 64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ทราบเรื่องนี้หรือยัง? ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เข้าท่าเลย!
ทำกันแบบไม่เกรงใจ "ผอ.ศูนย์ปราบโควิด" อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งกำลังเซ! จากปัญหาโควิดระบาด 3 รอบ กินเวลาปีกว่า แถมการบริหารจัดการวัคซีนยังล่าช้า ไม่เพียงพอ วัคซีนที่มีอยู่ 2 ยี่ห้อแต่คนส่วนใหญ่ไม่อยากเสี่ยง!
เรียกว่าแค่วัคซีนเข็มแรก! แต่คนส่วนใหญ่รู้สึกผวากับผลกระทบข้างเคียง จึงเรียกร้องหาวัคซีนทางเลือกอีก 2 ยี่ห้อที่ไทยไม่มี (ไฟเซอร์-โมเดอร์นา) ส่วนใหญ่อยากได้วัคซีนทางเลือก ไม่ใช่อยากให้รัฐบาลนิมนต์พระสงฆ์มาสวดไล่โควิด!
พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีรอบแรกเพราะทำรัฐประหาร ส่วนรอบที่ 2 เป็นนายกฯ จากกติการัฐธรรมนูญที่ซิกแซ็กเอาเปรียบคนอื่น เมื่อได้เป็นนายกฯ ยังมีตำแหน่งอื่นตามมามากมาย ทั้ง รมว.กลาโหม-ผอ.รมน.-ประธาน ก.ตร.
ตำแหน่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นยังแข็งโป๊ก! ใครทำอะไรไม่ได้ เหมือนขาเก้าอี้เสริมเหล็ก เพราะมี ส.ว. 250 คนที่แต่งตั้งเองมากับมือ ช่วยค้ำยันไว้
แต่เมื่อมาเป็น "ผอ.ศูนย์ปราบโควิด" ตำแหน่งนี้แทบรากเลือด! ทั้ง "ซีอีโอ" บริษัทเอกชนและชาวบ้านส่วนใหญ่จึงให้คะแนน "สอบตก" เนื่องจากทำให้ชีวิตผู้คนทุกระดับ เกือบทุกสาขาอาชีพ ได้รับผลกระทบไปทุกหย่อมหญ้า
"พยัคฆ์น้อย" คุยกับนักเศรษฐศาสตร์หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สถานการณ์ครึ่งหลังปี 64 ผู้คนจะตกงานกันมากขึ้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือการ "ชักดาบ" ไม่จ่ายหนี้ ไม่จ่ายดอกเบี้ย ไม่จ่ายภาษี เพราะไม่มีจะจ่าย! เนื่องจากร้านรวงค้าขายไม่ได้ตามปกติ บริษัทห้างร้านปิดกิจการ รายได้จากต่างประเทศไม่มี การลงทุนไม่มี และไม่มีนักท่องเที่ยว
ดังนั้นทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะเจอปัญหา "ชักดาบ" แน่ๆ นักเศรษฐศาสตร์บางคนถึงขั้นภาวนาว่าอย่าให้การ "ชักดาบ" ลุกลามไปถึง "พันธบัตร" ที่กำลังครบกำหนดไถ่ถอนตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป ไม่เช่นนั้นจะยุ่งกันทั้งระบบแน่ๆ
นี่คือสัญญาณอันตรายของ "ผอ.ศูนย์ปราบโควิด" ที่อภินิหารทางกฎหมาย และ ส.ว. 250 คน ก็ช่วยไม่ได้!
สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น เราอย่าไปคาดหวังว่านายอนุทินจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะนายอนุทินเป็นทั้งนักการเมืองและพ่อค้า มีเครือข่ายทำงานให้ภาครัฐมากมาย จึงอย่าหวังอะไรกับนายอนุทิน
แต่พอมีหวังบ้างจากพรรคเก่าแก่ อาจมีอีกหลายคนคิดเหมือน นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาสะกิดให้พรรค "ถอนตัว" จากการร่วมรัฐบาล ทั้งกรณี "พ่อค้าแป้ง" และการแก้ปัญหาโควิดที่ล้มเหลวของนายกฯ!!."
ทั้งนี้ บทความบางช่วงบางตอนถูกถ่ายภาพและแชร์ลงไปในโลกโซเชียลฯ เพื่อตั้งคำถามถึงเรื่องดังกล่าว แต่ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน ก็ยังไม่มีคำชี้แจงออกมาจากกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด