เพจ Bright TV เผยแพร่หนังสือขอโทษ นริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูต อ้างตีความผิดพลาด เสนอข่าวและข้อความพาดหัวแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แจงลบข่าวไปแล้ว ด้านเจ้าตัวขอสู้ตาย ไม่ยอมความแค่แถลงการณ์ขอโทษแน่นอน เตรียมดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เรียกค่าเสียหายในวงเงินสูงสุด เพื่อเป็นอุทาหรณ์
วันนี้ (19 พ.ค.) จากกรณีที่ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา มอบหมายให้ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. ดำเนินคดีกับเว็บไซต์ไบร์ททีวี หลังจากนำเสนอข่าวหัวข้อ “นริศโรจน์ อดีตเอกอัคราชทูตไทย ชี้ อแมนด้า ชวดตำแหน่งเพราะแซะสถาบันกษัตริย์” พร้อมกับพาดหัวบนรูปภาพว่า “ชวดตำแหน่งเพราะไม่รักสถาบัน” ซึ่ง นายนริศโรจน์ ระบุว่า บิดเบือน เพราะข้อความที่ตนเขียนเป็นเรื่องการวางตัวของนางงามที่แสดงออกทางการเมือง (Call Out) ว่า ควรวางตัวอย่างไร โดยไม่ได้ระบุชื่อใคร และ ไม่ได้บอกว่าชวดตำแหน่งเพราะแซะสถาบัน ตามที่เว็บไซต์ไบร์ททีวีกล่าวหา ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านประกอบ : อดีตทูตฟ้อง “ไบร์ททีวี” จั่วหัวบิดเบือน “อแมนด้า” ชวดมงโยงสถาบัน
ล่าสุด เว็บไซต์ไบร์ททีวี ได้ทำหนังสือระบุว่า “ทีมข่าว Bright TV กราบขออภัยในความผิดพลาดของการนำเสนอข่าว
จากการนำเสนอข่าวในเพจ Bright TV ที่เกิดความผิดพลาดขึ้น กรณีความเห็นของ คุณนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เกี่ยวกับการแสดงความเห็นของนางงาม
Bright TV ขอยอมรับในการตีความที่ผิดพลาด นำไปสู่การเสนอข่าวและข้อความพาดหัว ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเนื้อหาที่คุณนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ได้แสดงความเห็นไว้ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเป็นเหตุให้คุณนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ได้รับความเสียหายจากการนำเสนอข่าวนี้
เมื่อได้ทราบถึงข้อผิดพลาด ทางทีมงานจึงตัดสินใจที่จะลบเนื้อหาข่าวนี้ออก เพราะไม่ต้องการที่จะให้มีการส่งต่อข่าว รวมถึงมีการแสดงความคิดเห็นอันสืบเนื่องมาจากการนำเสนอข่าวที่ผิดพลาดนี้ ซึ่งจะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับคุณนริศโรจน์ เฟื่องระบิล มากขึ้น
ทีมข่าวต้องกราบขออภัย คุณนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแสดงความคิดเห็นที่ตามมา รวมจนถึงผู้ที่อาจพลอยได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ และขออภัยต่อผู้ที่ติดตามข่าวสารจากทาง Bright TV ในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
จากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ทีมข่าว Bright TV ขอน้อมรับในคำตำหนิ โดยจะนำมาเป็นบทเรียน เพื่อให้การนำเสนอข่าวมีความถูกต้อง และรอบคอบต่อไป”
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก “Fuangrabil Narisroj” โพสต์ข้อความระบุว่า “ครั้งนี้ประชาชนชาวบ้านอย่างผมสู้ตายครับ ไม่ยอมความแค่แถลงการณ์ขอโทษแน่นอน”
ต่อมาได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “ขอขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใน FB ของผมทุกท่านที่ได้ส่งกำลังใจ ส่งชื่อที่อยู่เบอร์มือถือมาร่วมเป็นพยาน รวมทั้งช่วยกันส่ง link ต้นทางเพจที่หมิ่นผมมากันเยอะมาก ทั้งหมดผมได้จัดส่งให้ ศชอ. เรียบร้อยแล้ว ถ้าฝ่ายทีมงานรวบรวมหลักฐานข้อมูลทั้งหมดเสร็จแล้ว จะไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไปครับ ว่ากันเป็นรายๆ ไปเลย
ครั้งนี้ไม่ต้องห่วงครับว่าผมจะยอมความ เพราะเท่าที่ดูจาก link ต่างๆ ที่หมิ่นผม ซึ่งเกิดจากการเอาบทความของผม ไปบิดเบือน ปั้นแต่ง เพื่อเรียกให้คนมาด่าผม ความเสียหายมันกระจายตัวออกไปมากเกินกว่าที่จะให้อภัยได้
ทำไมผมถึงไม่ให้อภัย เพราะผมดูที่ “เจตนา” เพราะถ้าคนที่มีใจเป็นธรรมได้อ่านบทความที่ผมพูดถึงการวางตัวของนางงามถ้าจะ call out ควรวางตัวอย่างไร เพื่อมิให้ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด และเพื่อให้เกิดการยอมรับจากทุกฝ่าย
ผมมิได้เอ่ยชื่อนางงามคนไหนเลยแม้แต่คนเดียว ที่สำคัญที่สุดที่ผมรับไม่ได้เลยคือ ไม่มีประโยคหรือวลีใดเลยที่ผมบอกว่า “นางงามคนนั้นชวดไม่ได้ตำแหน่งเพราะไม่รักสถาบัน”
นี่คือเจตนาที่ “ปั้นน้ำเป็นตัว” จับแพะชนแกะอย่างน่าเกลียดที่สุด และจากนั้นบรรดาติ่งนางงามที่อ่านแค่พาดหัว หรืออ่านไม่เกิน 8 บรรทัด ก็แชร์เอาผมไปด่าอย่างหยาบคายมาก
ดังนั้น แค่คำแถลงการณ์ขอโทษ 1 หน้านั้นไม่เพียงพอกับชื่อเสียงผมที่เสียหายไป มันกระทบถึงเกียรติประวัติที่ครั้งหนึ่งผมได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ไปทำหน้าที่เป็น ออท. ตัวแทนองค์พระประมุขในต่างประเทศ ผมได้รับพระราชสาสน์ตราตั้งจากพระหัตถ์ของในหลวง ร.10 ผมได้รับพระราชทานน้ำจากพระมหาสังข์รดที่กลางกระหม่อมของผม ในหลวง ร.10 ทรงเจิมหน้าผากให้ผมด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ผมได้รับพระราชทานใบมะตูมเพื่อทัดข้างหูตามระเบียบประเพณีโบราณของคนที่จะต้องไปเป็นราชทูตตัวแทนพระองค์ท่านในการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ
มันเทียบไม่ได้กับพฤติกรรมและการแสดงวาจาถ่อยเถื่อนสถุลอันมีต้นเหตุจากการบิดเบือนพาดหัวข่าวด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์แบบนี้
ถ้าผมยอมความง่ายๆ ก็ไม่สำนึก และอาจกระทำแบบนี้อีกซ้ำซาก
เนื่องด้วยต้นทุนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้นทุนของผมกว่าจะไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับสูงสุดในชีวิตราชการได้เป็นตัวแทนองค์พระประมุขไปเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศแบบนี้ได้ ย่อมมีราคาต้นทุนสูงกว่าบุคคลทั่วไป
จึงเรียนมาเพื่อให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทราบเป็นการยืนยันว่า ผมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และเรียกค่าเสียหายในวงเงินสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์และเยี่ยงอย่างต่อไปในอนาคตครับ”