xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.วรัชญ์” ชี้ชะลอหมอพร้อมเพื่อปรับแผนตามสถานการณ์ให้ได้ผลที่ดีขึ้นกว่าเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผศ.ดร.วรัชญ์ หนึ่งในทีมสื่อสาร ศบค. ได้ออกมาอธิบายถึงเหตุผลที่รัฐบาลชะลอการใช้งานหมอพร้อม ระบุชัดเพื่อต้องการปรับแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเพื่อให้ได้ผลที่ดีขึ้นกว่าเดิม เผยอาจสร้างความสับสนได้บ้างเพราะเปลี่ยนจริง แต่ยอมเปลี่ยน ยอมเสี่ยงโดนด่า เพราะเปลี่ยนแล้วได้ประโยชน์มากกว่า

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Warat Karuchit" หรือ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “ทำไมถึง "ชะลอ" หมอพร้อม ทำไมนโยบายรัฐถึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คำตอบอย่างสั้น คือ เป็นการ "ปรับแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป" เพื่อให้ได้ "ผลที่ดีขึ้นกว่าเดิม" ถ้าอยากทราบคำอธิบายแบบยาว ลองอ่านต่อไปนะครับ เริ่มตั้งแต่ต้น เดือนสองเดือนที่แล้วเราตั้งใจจะให้ "ระบบหมอพร้อม" เป็นระบบในการกำหนดคนฉีดวัคซีน โดยเริ่มจากผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยง 7 โรค ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมจะฉีดให้หมด แล้วค่อยเริ่มประชาชนทั่วไปเดือนสิงหาคม แต่ผลคือคนมาลงทะเบียนน้อย วัคซีนตามโควตาเหลือ และการแพร่ระบาดเริ่มมากขึ้น บวกกับผลของการรณรงค์ทำให้คนต้องการฉีดวัคซีนมากขึ้น ศบค. โดยนายกฯ จึงตัดสินใจว่าจะไม่รอกลุ่มคนชราและกลุ่มเสี่ยงแล้ว จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเลย ซึ่งกำหนดไว้วันที่ 31 พฤษภาคม ทีนี้ปัญหาคือ แล้วจะจัดสรรอย่างไร เพราะกลุ่มนี้มีจำนวนมากหลายสิบล้านคน แต่เดือนแรกจะมีวัคซีนมาแค่ 6 ล้าน ถึงจะเสริมที่หามาเพิ่มอีกก็ยังไม่พอ จึงต้องมีแผนการกระจายวัคซีน ซึ่งก็มีการเสนอกันมาหลายสูตร จนถึงสูตรที่เสนอเข้าไปสู่ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่นายกฯ เป็นประธาน ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลขที่หลุดออกมาสู่สื่อต่างๆ ซึ่งในที่ประชุม โดยนายกฯ ไม่ได้มีการรับตัวเลขนี้ทั้งหมด สาเหตุสำคัญคือจะมีบางจังหวัดที่ได้วัคซีนช้ากว่าจังหวัดอื่นเป็นเดือนหรือสองเดือน ซึ่งในทุกจังหวัดแม้ไม่มีผู้ติดเชื้อแต่ก็มีความเสี่ยงหมด อยู่ดีๆ อาจจะเกิดคลัสเตอร์ขึ้นมากะทันหันก็ได้ จึงได้ให้มีการปรับสูตรใหม่ (ดังนั้นตัวเลขที่สื่อต่างๆ นำไปออกจึงน่าจะไม่ใช่ตัวเลข final)

นอกจากนั้นยังให้เปลี่ยนแนวคิดจากการ Walk-In ที่คาดว่าจะเกิดปัญหา ให้เป็นการลงทะเบียนที่จุดบริการ (On-Site Registration) ดังนั้นนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค.จึงสั่งการให้ปรับแผน โดยหลักการคือทุกจังหวัดควรจะได้วัคซีนพร้อมกันอย่างน้อยเป็นพื้นฐานก่อน แล้วเพิ่มเข้าไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนประชาชนกลุ่มเสี่ยง หรือการเป็นจังหวัดเศรษฐกิจ เช่น ภูเก็ต จากข้อสั่งการของนายกฯ จึงเกิดการประชุมการวางแผนกระจายวัคซีน และที่ประชุมสรุปได้ว่า หากจะเพิ่มความยืดหยุ่นของการปรับแผน แนวทางหนึ่งก็คือ การให้แต่ละจังหวัดมีระบบลงทะเบียนการฉีดวัคซีนของตนเอง จะบริหารจัดการตามโควตาที่จัดสรรให้ง่ายกว่า หากยังใช้ระบบหมอพร้อมในการจองคิวทั่วประเทศอาจทำให้ไม่สมดุลกับโควตาของแต่ละจังหวัด (เพราะบางจังหวัดอาจมีการรณรงค์หรือเกณฑ์คนไปลงให้ได้คิวและโควตาเยอะๆ) จึงเป็นที่มาของข้อสรุปให้ "ชะลอ" หมอพร้อม คือยังไม่ต้องไปรณรงค์หรือออกคำสั่งให้ไปลงหมอพร้อมในช่วงนี้ อย่างน้อยก็ในจังหวัดที่มีระบบตัวเองให้ไปลงจองคิวกับจังหวัด ส่วนจังหวัดใดไม่มีระบบตัวเอง ก็สามารถลงกับ อสม. หรือ รพ.สต. หรือ รพ.ท้องถิ่นได้เลย (หรืออาจใช้ระบบหมอพร้อมต่อไป อันนี้ยังรอประกาศแนวทาง)

ส่วนประเด็นล่าสุด ที่หลายสื่อพาดหัวทำนองว่า "นายกฯ สั่งเบรกหมอพร้อม" อันนี้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะนายกฯ ไม่ได้สั่งครับ สั่งแค่ให้ปรับแผนวัคซีน ส่วนการ "ชะลอหมอพร้อม" นั้นเป็นแนวทางจากที่ประชุม ไม่ได้มาจากนายกฯ โดยตรง ด้วยเหตุผลที่กล่าวไปแล้วข้างต้นบางคนอาจจะถามว่า แล้ววันนี้โฆษก ศบค.พูดเองว่านายกฯ สั่งชะลอหมอพร้อม ลองไปฟังเทปดูนะครับ ท่านโฆษกไม่ได้พูดว่า "นายกฯ สั่งชะลอหมอพร้อม" เลยครับ ท่านพูดว่า "ท่านเลขาฯ สมช.ได้รับการสั่งการจากนายกฯ ให้มีการประชุมปรึกษาหารือ มี 2 ประเด็นที่ท่านฝากมา" (ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการชะลอหมอพร้อม) สื่อเข้าใจว่า คำว่า "ท่านฝากมา" คือ "ท่านนายกฯ" แต่จริงๆ คุณหมอทวีศิลป์หมายถึง "ท่านเลขาฯ สมช." ผู้ที่เป็นประธานในที่ประชุม ศปก.ศบค.วันนี้

ซึ่งผมเป็นพยานได้เพราะผมอยู่ในที่ประชุมครับ ท่านฝากข้อนี้มาจริงๆ แล้วคำว่า "ชะลอ" ก็ไม่ได้หมายถึงยกเลิก หรือไม่ต้องใช้แล้ว เพียงแค่ชะลอการจองคิวฉีดออกไปก่อน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในจังหวัดที่มีระบบของตัวเอง จังหวัดอื่นๆ รอฟังประกาศของจังหวัดท่านที่ต้องรับดำเนินการตามแผน และออกนโยบายมาเร็วๆ นี้ และหมอพร้อมเองก็ยังเป็นเหมือนการบันทึกการฉีดวัคซีนของแต่ละคน หรือผลข้างเคียง (หากมี) แจ้งนัดครั้งต่อไป และการออกใบรับรองวัคซีนถ้าต้องใช้ และไม่ว่าจะจองผ่านระบบอะไร สุดท้ายก็จะ sync กับระบบหมอพร้อมอยู่ดี

สรุป
บางท่านอาจจะเห็นว่ารัฐเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ถ้าอ่านและทำความเข้าใจ ก็อาจจะเห็นว่า
1. บางอย่างไม่ได้เปลี่ยน แต่เป็นการที่สื่อนำข้อมูลที่ยังไม่ final ไปเผยแพร่ (เช่นตัวเลขวัคซีนที่จะได้)
2. บางอย่างก็เปลี่ยนจริง แต่ยอมเปลี่ยน ยอมเสี่ยงโดนด่า เพราะเห็นว่าการเปลี่ยนแล้วได้ประโยชน์มากกว่า (เช่น การเปิดให้ประชาชนทั่วไปฉีดก่อนคนชรา ซึ่งหลายประเทศจะให้คนชราฉีดให้หมดก่อน และการชะลอหมอพร้อม ไปใช้ระบบของจังหวัด)
3. บางอย่างก็ไม่ได้เปลี่ยน แต่เป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่น การทดลอง Walk-In แล้วเห็นแล้วว่าไม่เวิร์กแน่ ก็ปรับเป็นการลงทะเบียนหน้างาน ซึ่งคอนเซ็ปต์เดิม แต่เพิ่มความเป็นระบบเข้าไป
4. นายกฯ ไม่ได้เป็นผู้สั่งเบรกหรือยกเลิกหมอพร้อม แต่เป็นแนวทางข้อสรุปจากที่ประชุมแผนวัคซีน

สุดท้ายนี้ ในฐานะฝ่ายสื่อสารคนหนึ่งของ ศบค. ผมยอมรับว่าการสื่อสารอาจจะมีความสับสนบ้างเพราะเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากพอสมควร เพราะเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นร้อยเป็นพัน เกี่ยวกับคนหลายสิบล้านคน แต่เราก็พยายามทำกันอย่างดีที่สุด ไม่มีใครอยากให้เกิดความวุ่นวาย อาจเกิดความผิดพลาดบ้าง ต้องขออภัยหากทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสับสน เพราะเราไม่สามารถไปดูแลควบคุมทุกคนในทุกหน่วยงานได้

นอกจากนี้ ส่วนตัวอยากขอขอบคุณทุกๆ คน ทุกๆ คอมเมนต์ที่แสดงความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งกำลังใจทั้งหมดที่ส่งมาให้ ทั้งหน้าไมค์หลังไมค์ ขอบคุณทีมสื่อสารประเทศไทยทุกคน ที่อาสาสื่อสารข้อมูลต่างๆ ออกไป บางคนก็เสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าอวยรัฐ แต่ผมกดดูที่ท่านแชร์เสมอนะครับ และสิ่งเหล่านี้มีความหมายมาก ทำให้ผมและฝ่ายสื่อสารทุกคน (ที่ก็เป็นเหมือนแนวหน้าในการรับแรงปะทะเหมือนกัน และตอนนี้ผมก็เริ่มได้รับมากขึ้นเรื่อยๆ) มีกำลังใจทำหน้าที่ต่อไปอย่างดีที่สุดครับ ขอบคุณจากใจครับ”



กำลังโหลดความคิดเห็น