อดีตสื่อมวลชน จอม เพชรประดับ ที่หนีคดีความมั่นคงในต่างประเทศ เตือนสติพวกที่ชวนย้ายประเทศ ไปแล้วต้องแข่งขัน ต้องแย่งชิง เอาตัวรอดยาก ยิ่งสื่อสารไม่ได้ยิ่งถูกผลักเป็นพลเมืองชั้นสอง อย่าคิดว่าประเทศเสรีประชาธิปไตยจะไม่มีชนชั้น แนะไปแล้วถอดหัวโขนตัวเอง แต่ถ้าไปแล้วได้ดีก็มาเสริมพลังแก่สาวก
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายจอม เพชรประดับ อดีตผู้สื่อข่าวและพิธีกรรายการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และวอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีความมั่นคง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ว่า “ถึงคนไทยหลายแสนคน ที่คิดจะ “ย้ายประเทศกันเถอะ”
กระแสความสนใจที่จะย้ายประเทศขณะนี้ แม้จะทำให้เห็นความเป็นไปในประเทศที่เจริญ หรือพัฒนาก้าวหน้ากว่าไทย ผ่านชีวิตและมุมมองของคนไทยที่อยู่ที่นั่น
ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะพูดแต่เฉพาะผลสำเร็จ หรือผลพวงจากความทุ่มเทบากบั่น จนมีทุกอย่างพร้อม เปลี่ยนสถานะจากคนปากกัดตีนถีบเป็นผู้มีเงินถุงเงินถังแล้ว
ขณะเดียวกันก็เปิดทางสร้างพื้นที่ให้กับตัวเองได้เปล่งประกาย เฉิดฉาย สร้างตัวตนให้คนอื่นเห็นถึงผลจรกการดิ้นรนจนสายตัวสายใจแทบขาด ให้ตัวเองรู้สึกภาคภูมิใจและมีตัวตนในสังคมเสียที
แน่ละการพูด การแสดงออกแต่ผลความสำเร็จของตัวเองที่ก้าวข้ามความทุกข์เข็นในประเทศไทยมาได้ อาจจะเป็นการสร้างแรงจูงใจสำคัญ ให้กับคนที่ได้ยิน ได้ฟัง
แต่อยากฝากคนไทย หรือเด็กเยาวชนไทยที่คิดและวางแผนจะย้ายประเทศอย่างจริงๆ จังๆ ว่า อย่ามองแต่ปลายทางที่เห็นแต่ความงดงามในความสำเร็จของคนไทยในต่างประเทศแต่เพียงอย่างเดียว
เพราะเบื้องหลังของความสำเร็จเหล่านั้น มันเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานที่เกิดจากการทุ่มเททำงานชนิดที่เรียกว่าสายตัว หรือสายใจแทบขาดลงไปเลยทีเดียว
หลายความสำเร็จต้องแลกมาด้วยหยดเลือดและน้ำตา ต้องแลกมาด้วยการล่มสลายของครอบครัว และต้องใช้ชีวิตอย่างอดทนถึงขั้นสูงสุดชนิดที่เรียกว่าแสนสาหัสเกินจะบรรยายกันเลยทีเดียว
ซึ่งความลำบากยากเข็ญของการเริ่มต้นชีวิตในต่างประเทศแบบที่ว่านี้ น่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยในต่างประเทศส่วนใหญ่เผชิญ
ยกเว้น พวกนายทุน ศักดินา ข้าราชการชั้นสูงที่มีทุนหนาบารมีเยอะจากเมืองไทยอยู่แล้ว อาจไม่เจอกับการดิ้นรนอย่างที่ว่านี้มากมายนัก แต่ส่วนใหญ่คนพวกนี้ก็ไม่คิดจะย้ายประเทศกันหรอก เพราะวิถีชีวิตอย่างพวกเขาเหมาะกับเมืองไทยมากกว่าแน่นอน
แต่สำหรับชนชั้นกลาง ลงมาถึงระดับล่างหากจะย้ายประเทศจริงๆ ก็จะต้องเจอกับความยากลำบากนี้
เพราะต้องเข้าใจว่า ทุกตารางนิ้วในประเทศที่เจริญแล้วและเปิดกว้างรับคนจากทุกประเทศ ย่อมเต็มไปด้วยการแข่งขัน แย่งชิงของพลเมืองจากทั่วโลก
ความเป็นคนไทยที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร ไม่เคยถูกกดขี่ข่มเหง หรือแม้กระทั่งต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับประเทศเจ้าอาณานิคม และโดยเฉพาะโตมากับอุดมการณ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยแล้ว
ก็อาจจะไม่มีทักษะที่จะเอาตัวรอดได้ บวกกับนิสัยขึ้เกรงใจ ไม่กล้าเถียง ไม่กล้ายืนยันเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และโดยเฉพาะภาวะความอึดอัด
อัดอั้นกับการสื่อสาร ก็จะยิ่งทำให้ถูกผลัก หรือถูกกันออกไปให้กลายเป็นพลเมืองชั้นสอง หรือคนชายขอบในสังคมประเทศอื่นได้โดยปริยาย อย่าคิดว่าประเทศเสรีประชาธิปไตยจะไม่มีชนชั้นนะครับ (เพียงแต่ว่าความตรงไปตรงมาของกฎหมายทำให้ เส้นแบ่งชองชนชั้นมันจางลงมากกว่าประเทศไทยเท่านั้นเอง)
แต่ก็ไม่แน่สำหรับเยาวชนไทยรุ่นใหม่ อาจมีความคิด ทักษะ และศักยภาพในการอยู่ร่วมกับคนที่หลากหลายวัฒนธรรม หลากหลายความคิดความเชื่อมากกว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่แล้วก็ได้
ดังนั้น คำแนะนำสั้นๆ สำหรับคนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องย้ายประเทศก็คือ ขอให้ลบอัตลักษณ์ตัวตน หรือหัวโขนทั้งหมดทั้งปวงที่ตัวเองมีในประเทศไทยออกไปจากหัวให้หมด
ให้เป็นเหมือน แก้วเปล่า หรือถังเปล่าที่พร้อมจะตักเติมเพิ่มน้ำใหม่เข้ามา และไม่แคร์ว่าจะตักตวงน้ำเหล่านั้นด้วยวิธีใด ขอให้ได้น้ำเพื่อก่อกำเนิดชีวิตใหม่ในต่างแดนได้ก็เป็นพอ
อีกเรื่องที่อยากทิ้งเป็นข้อคิดไว้ คือ ขณะที่พวกคุณกำลังหาช่องทางเพื่อผละหนีจากแผ่นดินเกิด ก็ให้พึงสังวรณ์ย้อนกลับไปมองด้วยว่า
ยังมี เยาวชนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง ที่พวกเขาก็มีความฝันเช่นเดียวกับพวกคุณ ที่จะอยู่ในประเทศที่เจริญก้าวหน้า มีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยเหมือนกัน แต่แทนที่พวกเขาจะผละหนีเอาตัวรอด พวกเขากลับใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อต่อสู้กับอุปสรรคขัดขวางในการสร้างประเทศ
เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีมีคุณภาพ ไม่ใช่เฉพาะเพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนไทยทุกคนรวมถึงลูกๆ หลาน ญาติพีน้องของพวกคุณที่ยังอยู่ในเมืองไทยอีกด้วย
ขณะที่พวกคุณกำลังวางแผนคิดจะย้ายประเทศ ขอให้เสริมเติมพลังและกำลังใจให้เยาวชนที่เสียสละเหล่านี้ด้วย และหากพวกคุณสามารถลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในประเทศอื่นได้แล้ว
ก็ควรที่จะหนุนเสริมเพิ่มพลังให้พวกเขาได้สร้างบ้านสร้างเมืองของพวกเราทุกคน ให้เป็นประเทศที่พวกคุณ และพวกเราจะได้อยู่ในแผ่นดินเกิดอย่างมีเกรียรติ มีศักดิ์ศรีและมีอนาคตที่ดี มีความหวังกับการเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลกต่อไป”
โพสต์ต้นฉบับ https://www.facebook.com/jom.petchpradab/posts/10159078156003965