xs
xsm
sm
md
lg

“กรณ์” ค้านรัฐผลักภาระให้ ปชช.ใช้เงินออมดัน ศก.แนะกระตุ้นเอกชนลงทุนสร้างงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กรณ์” ค้านแนวคิด “สุพัฒนพงษ์” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ผลักภาระให้ประชาชนนำเงินออมออกมาใช้เพื่อดันจีดีพีให้สูงขึ้น ชี้ คนไทยส่วนใหญ่มีเงินไม่ถึง 1 ล้านบาท ควรเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แนะรัฐควรกระตุ้นให้เอกชนที่มีสตางค์เอาเงินออกมาลงทุนในลักษณะที่นำไปสู่การสร้างงานโดยเร็วที่สุด

วันที่ 27 เม.ย. 2564 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กคัดค้านแนวคิดของ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่เสนอว่าขอให้คนไทยที่รักชาตินำเงินออมออกใช้จ่าย เพื่อดันจีดีพีให้โตตามเป้า 4%

โดยระบุว่า ...

อ่านข่าวเรื่องนี้แล้ว ผมไม่แปลกใจที่แนวคิดของท่านหัวหน้าทีมเศรษฐกิจถูกวิพากษ์วิจารณ์

ปัญหาคือชาวบ้านที่เก็บเล็กผสมน้อยมาทั้งชีวิต เขาไม่เข้าใจว่า การบอกให้เขาเอาเงินออมออกมาจ่ายตลาด หรือซื้อของจากเซเว่นเพื่อดันตัวเลข GDP ให้สูงขึ้นนั้น จะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างไร

หลายคนจึงผิดหวัง และไม่เข้าใจแนวความคิด เมื่อได้ฟังท่านรองนายกฯ แถลงรายละเอียดเพิ่มเติมแล้วก็ยังคาใจ

ยิ่งพอดูตัวเลขเงินออมบ้านเราที่กระจุกตัวมาก
คนไทยเกือบทั้งประเทศมีเงินในบัญชีไม่ถึง 50,000 บาท/คน

ส่วนคนรวยเพียง 0.07% มีเงินฝากรวม 3 ล้านล้านบาท เฉลี่ยบัญชีละ 48 ล้านบาท (ท่านรองนายกฯ อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ตามที่ท่านรายงานเงินฝากกับ ป.ป.ช. ไว้ที่ 54 ล้านบาท ซึ่งผมก็อยากทราบเหมือนกันว่า ท่านจะเอาเงินออมของท่านออกมาใช้จ่ายช่วยชาติเท่าไร และใช้อย่างไร)

ดังนั้น หากคิดจะกระตุ้นการรักชาติ (หรือกระตุ้น GDP) ผมขอให้ท่านมุ่งเป้าไปที่ “บัญชีคนรวย” ไม่กี่คนในประเทศ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ที่มีเงินไม่ถึง 1 ล้านบาท ในบัญชี ควรเก็บไว้เป็นเงินออม เป็นเงินฉุกเฉินยามวิกฤต เอาไว้ส่งลูกหลานเรียนหนังสือ หรือเอาไว้เลี้ยงตัวเองในยามแก่จะดีกว่า

ส่วนคนรวย โดยพฤติกรรมแล้วก็อย่าหวังว่าเขาจะออกมาบริโภคเพิ่มเติมมากนัก ไม่ได้กินใช้เยอะขึ้น คงไม่ได้ต้องจ่ายตลาดมากขึ้น แต่น่าจะเอาไปซื้อหุ้น หรือบิตคอยน์เสียมากกว่า

นโยบายที่ดี ที่ควรจะเร่งทำวินาทีนี้ คือ การกระตุ้นให้คนหรือเอกชนที่มีสตางค์เอาเงินออกมาลงทุน และต้องลงทุนในลักษณะที่นำไปสู่การสร้างงาน สร้างโอกาส สร้างรายได้เพิ่มเติมแก่คนส่วนใหญ่ในระบบ นี่คือ หน้าที่ที่ฝ่ายบริหารต้องเร่งปฏิบัติโดยเร็วที่สุด

ส่วนการบริโภคนั้น รัฐอย่าไปผลักภาระให้ประชาชนในยามยาก หนี้ครัวเรือนเราสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว และเงินออมของคนไทยก็ไม่เพียงพอต่อการรักษาคุณภาพชีวิตของเขาในวัยชรา

การบริโภคต้องมาจากสามแหล่งหลัก 1 - รายได้ของประชาชนที่เพิ่มขึ้น 2 - กำลังซื้อจากนอกประเทศ และ 3 - การใช้เงินของรัฐในการสร้างกำลังซื้อให้ประชาชน

ทั้งหมดนี้เป็นข้อสังเกตพื้นฐานเผื่อเป็นประโยชน์ในการช่วยกันคิดหาคำตอบครับ




กำลังโหลดความคิดเห็น