เมื่อวันที่ 3 เม.ย. เวลา 14.00 น. ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 บ้านคลองบางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม นายสุขุม วงประสิทธิ ผู้ช่วย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 22 ในฐานะหัวหน้าคณะสนองปณิธาน 4 ประการ / รักษาการ หัวหน้ากลุ่มรักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ / ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ บริษัท พรหมชีวา จำกัด พร้อมด้วย คุณเตือนใจ ขันติยู ประธานกรรมการบริษัท พรหมชีวา ร่วมทำสัญญากับนายสมชาย แจ่มนิยม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 เพื่อเช่าที่นาในการทำแปลงนาสาธิต ตามโครงการเกษตรแปลงใหญ่ หรือ Smart Farmer เป็นต้นแบบแหล่งเรียนรู้ พัฒนาคุณค่าชีวิตเกษตรกร ชาวนา โดยมีนายวิชาญ ทองดอนโต เลขาธิการสมาคมสถาบันชาวนาไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายสุขุม วงประสิทธิ กล่าวว่า วันนี้ตนเองและบริษัท พรหมชีวา จำกัด ได้มาทำสัญญาเช่าที่นาจำนวน 22 ไร่ จาก นายสมชาย แจ่มนิยม ผู้ใหญ่บ้านหมู่12 บ้านคลองบางเลน จ.นครปฐม ในราคา 150,000 บาท ต่อ 1 ฤดู คิดเป็นเงินเฉลี่ยไร่ละ 8,000 บาท โดยนับว่าเป็นการเช่าที่นาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ จากการเช่าที่นาของบริษัทเอกชนซึ่งปกติที่นาในบริเวณนี้จะเช่ากันอยู่ที่ราคาประมาณ 2,000-3,500 บาท
นายสุขุมกล่าวต่อว่า การเช่าที่นาครั้งนี้เพื่อเป็นการนำมาสาธิต ริเริ่มโครงการเกษตรแปลงใหญ่ หรือทำนาแปลงใหญ่ หรือ Smart Farmer โครงการที่จะยกระดับวิถีการทำเกษตรกรรม ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา ให้เกิดความมั่นคง และมีผลผลิตที่มากขึ้น และถึงแม้การทำสัญญาเช่าที่นาครั้งนี้จะสูงกว่าปกติ แต่ตนเองและบริษัท พรหมชีวา จำกัด เล็งเห็นว่าการยกระดับชาวนาและเกษตรกรรมให้เป็น Smart Farmer แล้ว ควรจะมีการยกระดับตั้งแต่ราคาที่ดินเพาะปลูกของชาวนาด้วย
นอกจากนี้ ทางบริษัท พรหมชีวา จำกัด ยังได้เตรียมเปิดโครงการใหม่อย่างโครงการข้าวหอมคืนถิ่น ในวันที่ 9 เม.ย.ที่จะถึงนี้ บนที่ดินที่นาแปลงสาธิตแห่งนี้ โดยโครงการข้าวหอมคืนถิ่นนั้นมีความมุ่งหมายในการนำข้าวหอมมะลิคืนสู่ถิ่นในพื้นที่ภาคกลาง หรืออโยธยา ตนเองเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถต่อยอดข้าวหอมมะลิในพื้นที่ภาคกลางให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์และคุณค่า ซึ่งข้าวหอมมะลิของไทยนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง ทางบริษัท พรหมชีวา จำกัด ได้เตรียมนำข้าวหอมมะลิเตือนใจไทย ข้าวหอมมะลิที่พัฒนาโดยบริษัทฯ มาให้พี่น้องชาวนาได้ลองพิสูจน์ และเตรียมการส่งออกสู่ตลาดโลกเร็วๆ นี้ ตนเองขอให้ชาวนามั่นใจว่า บริษัทมีความตั้งใจมุ่งมั่นผลักดันยกระดับพี่น้องชาวนาทั้งประเทศ ให้มีความมั่นคง ยั่งยืน ที่ตรงตามปณิธานของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีต นายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทย อันได้แก่ 1. แก้ไขปัญหาความยากจน (ความเดือนร้อนของประชาชนทุกมิติรอบด้าน) 2. ยกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาเอกของโลก 8,000 ปี และให้ทุกศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 3. ถวายความจงรักภักดีพระบรมราชจักรีวงศ์ 4. พัฒนาคนไทยให้มีอายุขัย 120-160 ปี ด้วยสมุนไพรไทยโอสถธรรม เพื่อดำเนินกิจกรรมพัฒนาบ้านเมือง สู่ความมีสันติสุข มั่นคง ยั่งยืน โดยจะพัฒนาทั้ง 4 ภาค ตั้งแต่ล้านนา (ภาคเหนือ) ศรีโคตรบูรณ์ (ภาคอีสาน) อโยธยา (ภาคกลาง) และลังกาสุกะ (ภาคใต้) ด้วยยึดหลักสำคัญที่ว่า เพราะประชาชนคือหัวใจ
ด้านคุณเตือนใจ ขันติยู ประธานกรรมการบริษัท พรหมชีวา จำกัด กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่บ้านที่มั่นใจให้ทางบริษัทได้เช่าที่นา ที่อยู่ด้านหลังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 บานคลองบางเลน แห่งนี้เพื่อทำเป็นแปลงสาธิตตามโครงการทำนาแปลงใหญ่ ตนเองและบริษัท พรหมชีวา จำกัด จะร่วมดูแลแปลงสาธิตนี้ให้เติบโตไปพร้อมๆกับชาวนา เราจะนำนวัตกรรมต่างๆ ลงมาพัฒนาบนที่นาแห่งนี้ ให้สามารถมองเห็นการพัฒนาเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนต่อไป
คุณวิชาญ ทองดอนโต เลขาฯ สมาคมสถาบันชาวนาไทย / ประธานโครงการนาแปลงใหญ่รัฐวิสาหกิจชุมชนไผ่หูช้าง 1 อ.บางเลน จ.นครปฐม กล่าวว่า วันนี้ตนเองในฐานะพยานในการเช่าที่นาโครงการที่นาแปลงใหญ่ ระหว่างบริษัท พรหมชีวา จำกัด และนายสมชาย แจ่มนิยม ซึ่งต้องขอขอบคุณทาง คุณสุขุม วงประสิทธิ คุณเตือนใจ ขันติยู ที่เป็นตัวแทนจากบริษัทเอกชนที่เห็นคุณค่าในการพัฒนาชีวิตชาวนาไทย โครงการที่นาแปลงใหญ่ของไผ่หูช้างในขณะนี้มีประมาณ 2,000 ไร่ เป็นการรวมตัวของเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ให้นำผลผลิตมาร่วมกันเพื่อเป็นการต่อรองราคาให้กลุ่มนายทุน ซึ่งเกษตรกรไม่ต้องวิ่งออกไปขายผลผลิตและถูกกดราคา ในขณะนี้ทำมาได้ถึง 5 ปีแล้ว จริงๆ แล้วโครงการเกษตรแปลงใหญ่ หรือทำนาแปลงใหญ่นั้นดี แต่ทางภาครัฐเหมือนออกโครงการมาแล้วปล่อยทิ้งชาวนา ชาวเกษตรกร ให้ชาวนาดำเนินการต่อโดยหาเงินทุนกันเอง ปล่อยให้เกษตรกรรวมตัวไปกู้เงินเพียงลำพัง ชาวนาส่วนใหญ่เป็นหนี้อยู่ก่อนแล้วไปกู้ ธ.ก.ส.ก็ไม่ใช่จะกู้ผ่าน ตนเองจึงอยากฝากให้ภาครัฐช่วยติดตามและช่วยชาวบ้าน ดังเช่นบริษัท พรหมชีวา จำกัด ที่แม้เป็น บริษัทเอกชน แต่ก็พยายามเข้ามาสนับสนุนชาวนา ชาวเกษตรกร ให้มีการลดต้นทุนการผลิต และในทางกลับกันจะสามารถเพิ่มผลผลิตได้เพิ่มมากขึ้น
นายสมชาย แจ่มนิยม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 เจ้าของผืนนาดังกล่าว ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องขอขอบคุณบริษัท พรหมชีวา จำกัด และสมาคมสถาบันชาวนาไทย ที่เข้ามาช่วยให้บ้านคลองบางเลนได้เริ่มทำการสาธิตทำนาแปลงใหญ่ โดยการนำพันธุ์ข้าว นวัตกรรมเข้ามาพัฒนา ตนเองหวังว่าในอนาคตที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ให้เกษตรกรในภาคกลาง ที่ผ่านมาการทำนาแปลงใหญ่ของชาวนานั้นมีการใช้ต้นทุนสูง ซึ่งบริษัท พรหมชีวา จำกัด ได้นำนวัตกรรมเข้ามาทำแปลงสาธิตนาแปลงใหญ่ซึ่งจะทำให้ชาวนาลดต้นทุนในการทำนาลง ตนเองมีความมั่นใจมากที่บริษัท พรหมชีวาจำกัด และสมาคมสถาบันชาวนาไทยจะสามารถผลักดันพื้นที่แห่งนี้ให้เกิด เกษตรแปลงใหญ่เพื่อเป็นต้นแบบให้ชาวนาได้สำเร็จและสร้างอนาคตที่ดีให้แก่เกษตรกรต่อไป
หลังจากเสร็จสิ้นการทำสัญญาเช่าที่นา นายสุขุม วงประสิทธิ และคุณเตือนใจ ขันติยู ได้ลงตรวจดูพื้นที่พร้อมนำพวงมาลัยดาวเรืองไหว้พระสยามเทวาธิราช พระภูมิชัยมงคล ตลอดจนพระแม่โพสพ เจ้าที่เจ้าทาง ให้ช่วยดลบันดาลพรอันประเสริฐดูแลให้การทำโครงการนาแปลงใหญ่ที่ตั้งใจจะช่วยพัฒนาเกษตรชาวนาครั้งนี้ได้ลุล่วงด้วยดี