คนอีสานเฮลั่น “โครงการอีสานเขียว 2” เริ่มต้นแล้ว นำร่องโปรเจกต์แรกที่จังหวัดเลย พร้อมเดินหน้าส่งต่อสู่เครือข่าย 20 จังหวัดทั่วภาคอีสาน
วันนี้ (13 มี.ค.) เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมโรมแรมซีพี แกรนด์ พาเลซ อ.เมือง จ.สกลนคร องค์กรเอกชนภาคีเครือข่ายแห่งอุดมการณ์ เพื่อพัฒนายกระดับมาตรฐานเกษตรกรและชาวนาไทย นำโดย นายสุขุม วงประสิทธิ หัวหน้าคณะสนองปณิธาน 4 ประการ / ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ บริษัท พรหม ชีวา จำกัด และ คุณเตือนใจ ขันติยู ประธานกรรมการ บริษัท พรหม ชีวา จำกัด พร้อมด้วย นายรักไทย สารแสง ประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ กลุ่มรักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ และเครือข่าย 20 จังหวัดภาคอีสาน ร่วมทำบันทึกข้อตกลงลงนาม MOU ครั้งสำคัญ เปิดโปรเจคนำร่องปลูกโกโก้แซมข้าวสานต่อ “โครงการอีสานเขียว 2”
โดยมี นายธนพัฒ พาธุระ ประธานบริษัท นาโนอินทรีย์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกชนภาคีเครือข่ายผู้ร่วมอุดมการณ์ ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องไม่หยุด สำหรับโปรแกรมพัฒนายกระดับเกษตรกรชาวนาไทยสู่ความเป็น Smart Farmer ด้วยศาสตร์พระราชาเศรษฐกิจพอเพียง โดยก่อนหน้านี้ บริษัท พรมหชีวา จำกัด ได้บรรลุข้อตกลง MOU กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไปแล้วหลายภาคส่วน ส่งผลให้ในวันนี้เกิดเป็นองค์กรภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง พร้อมเดินหน้าเข้าสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวนาไทยได้อย่างเต็มรูปแบบ ล่าสุด วันนี้ได้นำเอา “โครงการอีสานเขียว 2” เป็นโครงการสืบเนื่องสานต่ออุดการณ์จากรุ่นสู่รุ่น นำมาเข้าร่วมประยุกต์กับโครงการในปัจจุบัน อาทิ โครงการข้าวใหม่ปลามัน (บริษัท พรหมชีวา จำกัด) / โครงการอิ่มท้องสมองดี (สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย) และ โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก เป็นศูนย์กลาง Hub เกษตรปลอดสารพิษที่โลกยอมรับ ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นโครงการหลัก ที่รัฐบาลต้องให้การสนับสนุน จัดสรรงประมาณให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลอย่างแท้จริง
โครงการอีสานเขียว 2 เป็นโครงการสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นความตั้งใจของ ฯพณฯ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ที่แม้วันนี้ท่านจะอายุถึง 89 ปีแล้ว แต่เรื่องปากท้องความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ยิ่งในสถานการณ์ภาวะไวรัสโควิด-19 ท่านไม่เคยนิ่งนอนใจ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ท่านยังคอยให้คำปรึกษา และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองตลอดเรื่อยมา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางภาคเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งโปรเจกต์ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ จ.เลย และ กลุ่มรักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ เป็นการนำร่องในพื้นที่แถบอีสานก่อนจะส่งต่อโปรแกรมนี้ไปสู่เครือข่าย 20 จังหวัดภาคอีสาน ในการดึงเอาหลักการโครงการอีสานเขียวที่กล่าวถึงจุดมุ่งหมายในการพัฒนาปรับปรุงสภาพพื้นที่ในการทำการเกษตร และแหล่งเก็บน้ำในจังหวัดทางภาคอีสาน ให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่ภาวะไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดจำนวนผู้ว่างงานกว่า 10 ล้านคนในช่วงปีที่ผ่านมา
ทางภาครัฐจึงได้เริ่มผลักดันสนับสนุนให้ประชาชนได้กลับภูมิลำเนาบ้านเกิด หันไปมุ่งสร้างอาชีพ สร้างรายได้ มีอยู่มีกิน ด้วยภาคการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกข้าว ยางพารา และโกโก้ ที่ล้วนเป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถปรับพื้นที่ให้ปลูกแซมกันได้ เช่น ปลูกโกโก้แซมข้าว ปลูกยางแซมโกโก้ ด้วยการจัดสรรพื้นที่ทำกินให้ และมีหน่วยงานจากทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนุนอย่างเต็มกำลัง ทั้งในเรื่องของ องค์ความรู้ นวัตกรรม ข้อมูลผลงานการวิจัยเชิงวิชาการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏที่ให้ความร่วมมือทั่วประเทศ โดยกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้สามารถที่จะนำข้าวเข้ามาปลูกแซมในพื้นที่การเกษตรได้ เพราะสามารถเก็บผลผลิตได้เร็วกว่าการปลูกโกโก้ ไม่ต้องรอเพียงแค่ผลผลิตของโกโก้แต่เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ทางภาคเอกชนยังคอยหาช่องทางการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์ไว้คอยรองรับ” นายสุขุม วงประสิทธิ หัวหน้าคณะสนองปณิธาน 4 ประการ ผู้ผลักดันสานต่อโครงการอีสานเขียว 2 ในฐานะผู้ช่วย ฯพณฯ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 22 กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ทางด้านประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ และกลุ่มรักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ จ.เลย ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มเกษตรกรและชาวนาไทยอีก 20 จังหวัดในภาคอีสาน ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงวาระการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ ว่า “ผมในฐานะตัวแทนพี่น้องผู้ปลูกโกโก้และพี่น้องชาวนาในพื้นที่ 20 จังหวัดทั่วภาคอีสาน อยากจะกล่าวคำขอบคุณไปถึงทางหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะองค์กรเอกชน ที่ร่วมกันยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกเรา สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอย่างถูกต้อง ถูกหลัก เพื่อจะทำให้สภาพความเป็นอยู่และคุณภาพของพี่น้องเกษตรกรชาวนาไทยดีขึ้นได้ และอยากฝากไปถึงรัฐบาล ในการช่วยส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐาน การให้ข้อมูลในการกำหนดพื้นที่เพาะปลูก การสนับสนุนช่องทางการตลาดและแหล่งเงินทุน หากสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้โดยเร็ว การที่พวกเรานั้นจะกลายเป็น Smart Farmer ภายใต้ร่มเงาโครงการอีสานเขียว 2 คงเป็นจริงได้” นายรักไทย สารแสง ผู้เป็นประธานกลุ่มฯ ให้ข้อมูลกับนักข่าวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
ในส่วนของผู้นำองค์กรเอกชนหนึ่งในภาคีเครือข่ายแห่งอุดมการณ์ เพื่อพัฒนายกระดับมาตรฐานเกษตรกรและชาวนาไทย อย่างบริษัท พรมมชีวา จำกัด โดยคุณเตือนใจ ขันติยู ได้เปิดใจถึงความคืบหน้าในโครงการต่างๆ ไล่เรียงตั้งแต่ โครงการข้าวใหม่ปลามัน เครื่องหยอดข้าวต้นแบบเตือนใจไทย โครงการศูนย์ปฏิบัติการเตรียมความพร้อม สถานี (Center) สมุนไพรไทยสู่ตลาดสากล และ แพลตฟอร์มตลาดนัดออนไลน์เตือนใจไทย ซึ่งได้ บริษัท นาโนอินทรีย์ จำกัด เข้ามาสนับสนับ “ทุกโปรเจคที่ทางเรากำลังเร่งผลักดันอยู่ เดินหน้าไปในทิศทางที่น่าพอใจ และเมื่อทางบริษัทของเราได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการอีสานเขียว 2 โครงการอิ่มท้องสมองดี และ โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ในการกำกับดูแลของสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ซึ่งทุกโครงการต่างๆ ได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้เรามั่นใจในตัว โครงการข้าวใหม่ปลามัน และแนวทางที่เลือกตั้งเป้าไว้ ที่อยากจะเห็นความเป็นอยู่และวิถีของพี่น้องเกษตรกรชาวนาไทย ได้มีคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน” ประธานกรรมการ บริษัท พรหมชีวา จำกัด กล่าวกับผู้สื่อข่าว
โครงการอีสานเขียว 2 และอีกหลากหลายโครงการดีๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความร่วมมือกันจากหลายภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐและองค์กรภาคีเครืองข่ายเอกชน ซึ่งมีความตั้งใจ จริงใจ คาดหวังจะยกระดับมาตรฐานเกษตรกรและชาวนาไทย เพื่อความมีสันติสุข มั่นคง ยั่งยืน ซึ่งตรงตามปณิธานของ ฯพณฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 22 อันได้แก่ 1. เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน 2. ยกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาเอกของโลก 8,000 ปี และให้ทุกศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 3.ถวายความจงรักภักดีพระบรมราชจักรีวงษ์ 4. พัฒนาคนไทยให้มีอายุขัย 120-160 ปี ด้วยโอสถธรรม ซึ่งปณิธานดังกล่าว กำเนิดขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมพัฒนาบ้านเมือง สู่ความมีสันติสุข มั่นคง ยั่งยืน ด้วยยึดหลักสำคัญที่ว่า “เพราะ...ประชาชนคือหัวใจ”