คนสมุทรสาคร กว่า 200 ครัวเรือน สุดคึกคัก รอลุ้นเงินเยียวยาจากภาวะโควิด-19 และปูเสื่อรอที่ดินทำกินเพื่อการเกษตร แก้ไขปัญหาความยากจนน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง เอาชนะปัญหารอบด้านและโควิด-19 รอบสอง เข้าร่วมโครงการ “อิ่มท้องสมองดี-ข้าวใหม่ปลามัน”
วันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางกระเจ้า อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เป็นจังหวัดแรกเริ่มที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายล็อกดาวน์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนและผู้ประกอบการน้อยใหญ่ประสบปัญหาขาดรายได้ ขาดสภาพคล่อง ลำบากขาดแคลนไปทั่ว กระทั่งได้ตั้งตัวแทนร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ผ่านการขับเคลื่อนของกลุ่ม “รักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ” ที่ต้องการได้รับเงิบเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวละ 10,000 บาท จากผลการประกาศนโยบายปิดเมืองสมุทรสาคร
โดยก่อนหน้านี้ นายสุขุม วงประสิทธิ รักษาการหัวหน้ากลุ่มรักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์บริษัท พรหมชีวา จำกัด ได้รับหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จ.สมุทรสาคร เพื่อประสานต่อไปยังหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการขอเงินสนับสนุนช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้าน และผู้ประกอบการ ทั้งยังเคยลงพื้นที่ไปยัง รพ.สมุทรสาคร เพื่อเยี่ยมเยือนสร้างขวัญกำลังใจ พร้อมมอบยาสมุนไพรโอสถธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ รพ.สมุทรสาคร เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพปอดต่อสู้โควิด-19
กระทั่งล่าสุดประชาชนชาว จ.สมุทรสาคร ได้ถือโอกาสประชุมเพื่อสอบถามถึงความคืบหน้า ในคราวเดียวกันกับที่ได้ลงรายละเอียดยืนยันตัวตนเพื่อขอรับสิทธิในโปรแกรมสรรหาที่ดินเพื่อการเกษตรให้กับชาวบ้าน ในครั้งนี้มีชาวสมุทรสาครกว่า 200 ครัวเรือนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก นายกฤตกร แซ่เอี๋ยง สจ.สมุทรสาคร พร้อมปลัด อบต.บางกระเจ้า นายพงษ์เลิศ วงศ์จิตสุทา และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 นายชูชาติ ธรรมพิทักษ์เดช และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นายสมพงษ์ เหลือขมิ้น เข้าร่วมประชุมหารือสังเกตการณ์ โดยมีนายสุขุม วงประสิทธิ เป็นผู้เข้ารับฟังข้อร้องเรียนคำซักถามของชาวบ้าน พร้อมตอบคำถามและอัปเดตความคืบหน้าในกระบวนการขอความช่วยเหลือเงินเยียวยา ในตอนท้ายยังให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในกรณีการจัดสรรที่ดินทำกินเพื่อการเกษตรให้แก่พี่น้องคนไทยที่ยับไม่มีแม้ที่ทำกินเป็นของตนเอง
นายสุขุมกล่าวว่า ตนเข้าพบกับประชาชนชาว จ.สมุทรสาคร คือเรื่องของการติดตามในกรณีความคืบหน้าเงินช่วยเหลือเยียวยาจากภาวะโควิด-19 จะดำเนินการออกเอกสารเพิ่มเติมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบอีกครั้ง ตนยืนยันที่จะช่วยผลักดันให้ประชาชนและผู้ประกอบการน้อยใหญ่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เรื่องการจัดสรรที่ดินทำกินทางการเกษตรให้แก่คนไทยที่ยังไร้ที่ทำกิน เป็นอีกหนึ่งของโครงการที่ต้องเร่งรัดให้เกิดขึ้นโดยเร็ว และเรื่องการที่องค์กรเอกชนที่เป็นภาคีเครือข่ายในการเข้าร่วมผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อพี่น้องเกษตรกรชาวไทยให้สามารถเดินหน้าต่อยอดแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกอย่างเต็มรูปแบบ
“เช่น การผลักดันโครงการอิ่มท้อง สมองดี, โครงการข้าวใหม่ปลา, โครงการนวัตกรรมบ่อน้ำมหัศจรรย์ทูอินวัน, โครงการธนาคารโคกระบือ, โครงการตลาดแพลตฟอร์มออนไลน์ โครงการต่างๆ เหล่านี้จะสร้างเอกภาพในการบริหารจัดการให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี” รักษาการหัวหน้ากลุ่มรักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ กล่าว
นายสุขุมกล่าวต่อว่า แนวทางและกรอบการทำงานจากหัวหน้าคณะสนองปณิธาน 4 ประการ ยังคงยึดโยงเป็นหนึ่งเดียวไม่เปลี่ยนแปลงจากปณิธาน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แก่ 1. เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน 2. ยกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาเอกของโลก 8,000 ปี และให้ทุกศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 3. ถวายความจงรักภักดีพระบรมราชจักรีวงษ์ และ 4. พัฒนาคนไทยให้มีอายุขัย 120-160 ปี ด้วยสมุนไพรโอสถธรรม เพื่อพัฒนาบ้านเมือง สู่ความมีสันติ มั่นคง ยั่งยืน ด้วยยึดหลักสำคัญที่ว่า “เพราะ...ประชาชนคือหัวใจ”
ไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มรักเมืองไทยแห่งสุวรรณภูมิ หรือบริษัท พรหมชีวา จำกัด ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของปากท้องพี่น้องประชาชน ล่าสุดสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรเอกชนหนึ่งในภาคีเครือข่ายก็นำร่องจัดทำโครงการ “อิ่มท้อง สมองดี” ว่าด้วยเรื่องของการจัดหาพื้นที่ทำกินให้เกษตรกรและพี่น้องคนไทยที่อยู่ในสภาพว่างงานจากภาวะโควิด-19 ได้กลับคืนสู่ภูมิลำเนาเดิม หันกลับไปสนใจในภาคการเกษตรเป็นอาชีพเดิมของบรรพบุรุษ ภายใต้แนวคิด “สร้างครัวไทย สู่ครัวโลก” ด้วยการพัฒนาการเกษตรจากนวัตกรรม และการบูรณาการองค์ความรู้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
