"วิชา" เผยกำลังเร่งผลักดัน พ.ร.บ.ตำรวจฉบับมีชัย ให้ถูกนำมาพิจารณาใหม่ในวาระ 2 ด้วยการสั่งให้เอาทุกร่างมาเปรียบเทียบ ชี้แปรญัตติเป็นไปได้ไม่ยาก เพราะฉบับนี้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามแนวทางปฏิรูปอย่างแท้จริง ทั้งเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่เป็นธรรม แยกสายงานให้ชัดเจนเพื่อความเป็นอิสระ
วันที่ 9 มี.ค. 2564 ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “ก้าวแรก ทำคลอด พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่”
โดย อ.วิชา กล่าวในช่วงนึงว่า ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เริ่มต้นจากการศึกษาของชุด พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน พอทำเสร็จ เสนอถึงนายกฯ ครม.บอกว่า ยังไม่สมบูรณ์ เลยตั้งอีกคณะหนึ่งขึ้นมาเพื่อพิจารณาให้สมบูรณ์ มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ขณะนั้นท่านก็ดำเนินการลงไปรับฟังความคิดเห็น มีประเด็นดีๆ หลายอย่าง เสร็จแล้วส่งมา ครม.อีกครั้ง ที่จริง ครม.ควรส่งไปสภาเลยเพื่อเดินหน้าต่อ แต่กลับส่งไปให้ตำรวจ แล้วมีเสียงคัดค้านมาจากตำรวจว่าไม่เห็นด้วย ก็ในเมื่อจะปฏิรูปเขาแต่ไปถามเขา แล้วมันจะได้การปฏิรูปกลับมาไหม ตำรวจก็แปลงสาร ตอนแรกแนบเนียนมาก ไร้พิรุธ ในรูปโครงสร้างเหมือนเดิม แต่ถอดบางมาตราออก ซึ่งเป็นมาตราที่สำคัญมากที่แสดงถึงหัวใจของการบริหารจัดการ
เราบอกว่า ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ต้องเอาชุดของนายมีชัย เพราะเป็นการปฏิรูปที่สอดคล้องกับมาตรา 258 ง. เป็นมาตราสำคัญในรัฐธรรมนูญ ว่า ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ใน (4) ระบุว่า “ดําเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับ หน้าที่ อํานาจ และภารกิจของตํารวจให้เหมาะสม และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ของข้าราชการตํารวจให้เกิดประสิทธิภาพ มีหลักประกันว่าข้าราชการตํารวจจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง และโยกย้าย และการพิจารณาบําเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรม ที่ชัดเจน ซึ่งในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องคํานึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน เพื่อให้ข้าราชการตํารวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใด มีประสิทธิภาพ และภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตน”
นอกจากนี้ ยังให้แยกสายงานของตำรวจให้ชัดเจน เพื่อให้การสอบสวนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ปฏิบัติงานให้ได้อย่างเป็นอิสระไม่ให้ถูกครอบงำจากผู้บังคับบัญชา และผู้ใช้อำนาจภายนอก หลักการนี้อยู่ใน พ.ร.บ.ตำรวจ ที่ยกร่าง ผ่านกระบวนการพิจารณามาเรียบร้อยแล้ว
แต่กลับไปเอาฉบับแปลงสาร ตอนพบนายกฯ ตนก็กราบเรียนว่าเราเห็นว่ามีความจำเป็นต้องคงร่างนายมีชัยไว้ เพราะเป็นการปฏิรูปโดยแท้ ไม่มีร่างไหนเสนอข้อปฏิรูปที่ชัดเจนเท่าชุดนายมีชัยแล้ว เพราะเห็นว่ากระบวนการสอบสวนที่ยังอยู่ในสายบังคับบัญชาที่ผู้บังคับบัญชากดดันโยกย้ายได้ และปนสายอื่นได้ ไม่มีทางเป็นอิสระได้
แต่ร่างที่ ครม.ส่งให้สภา จนเข้าวาระที่ 2 เป็นร่างที่แปลงสารแล้ว ตนเสนอที่ประชุมเมื่อวาน ให้เป็นไปตามแนวทางปฏิรูป ไม่ใช่แบบแปลงสาร ตนให้ฝ่ายเลขาฯ คณะ กรรมาธิการวิสามัญ ทำเปรียบเทียบทั้ง 3 ร่าง คือ ร่างพลเอก บุญสร้าง, มีชัย และร่างของตำรวจ ที่ผ่าน ครม.
เมื่อถามว่า มีโอกาสได้ใช้ร่างนายมีชัยไหม อ.วิชา กล่าวว่า เราได้เปิดทางเสนอให้เอา 3 ร่างมาเปรียบเทียบ เข้าที่ประชุม อย่างน้อยก็ได้เห็นข้อเสนอดีๆ ว่า ทำไมตกหล่น ให้เข้าใจกันแต่แรก แต่ดีอยู่อย่าง การนำเสนอเพื่อให้แปรญัตติ มันเป็นไปได้ไม่ยากนัก เพราะคำปรารภเหตุผลของกฎหมายฉบับนี้ เขียนไว้กว้างๆ ว่า ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ สามารถแปรญัตติให้สอดคล้องกับเหตุผลได้