xs
xsm
sm
md
lg

อดีตอธิบดีอัยการฯ เผยสัดส่วนผู้ต้องขังคุกไทยมีคดียาเสพติดมากกว่า 80% ยันปัญหาแบบเก่าไม่ได้ผลอย่าดันทุรัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายวันชัย อดีตอธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ และอดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยข้อมูลสัดส่วนผู้ต้องขังในคุกไทย มีผู้ต้องหายาเสพติดกว่า 80% เป็นยาบ้าเสีย 4/5 ของยาเสพติดทั้งหมด แต่นักโทษคดีอื่นๆ จี้ปล้น ฆ่า ทำร้าย มีแค่ 18% แนะการปราบยาบ้าแบบเดิม ไม่ได้ผล ยิ่งแก้ยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้น วอนอย่าดันทุรัง

วันนี้ (21 ก.พ.) เฟซบุ๊ก “Wanchai Roujanavong” หรือ นายวันชัย รุจนวงศ์ อดีตอธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ และอดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “วันนี้ขอนำเสนอสถิติของเรือนจำล่าสุดมาให้ดูกัน เป็นตัวเลขที่ไม่ค่อยมีคนรู้ หรือไม่เชื่อ เลยเอาเผยแพร่ให้รู้ให้เห็นทั่วกัน เพื่อจะได้เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมไทย บิดเบี้ยวและถูกทำให้ผิดเพี้ยนไปด้วยนโยบายยาเสพติดที่เดินผิดทางมากว่า 30 ปี ไม่มีที่ไหนในโลกนี้ ที่มีผู้ต้องขังคดียาเสพติดอยู่ในเรือนจำสูงถึง 81.57% เหมือนประเทศไทย และเป็นยาบ้าเสีย 4/5 ของยาเสพติดทั้งหมด

ในขณะที่นักโทษคดีอื่นๆ ทั้งจี้ปล้น ฆ่า ทำร้าย ฉ้อโกง ลักทรัพย์ ทุจริต และอื่นๆ ทั้งหมดรวมกันทุกความผิด มีแค่ 18.43% เท่านั้น มาดูตัวเลขกัน ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เรือนจำทั่วประเทศมีผู้ต้องขังทั้งหมด 319,082 คน (จากเดิมที่จำนวนผู้ต้องขังเกือบแสนแปดหมื่นคน แต่เพราะมีเหตุพิเศษ อภัยโทษสองครั้ง จึงมีนักโทษถูกปล่อยตัวไปประมาณหกหมื่นคน) เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติดถึง 260,270 คน (81.57%) เป็นผู้ต้องขังคดีความผิดอาญาอื่นทุกความผิดในประเทศไทย รวมกัน มีแค่ 58,812 คน (18.43%) เท่านั้น มาดูสถิตินักโทษเด็ดขาด คือ ผู้ที่คดีถึงที่สุดแล้ว คดีจบสิ้นสมบูรณ์ ไม่มีอุทธรณ์ ฎีกาอีกแล้ว มีนักโทษเด็ดขาดทั้งหมด 259,915 คน

เป็น นักโทษเด็ดขาดคดียาเสพติดสูงถึง 82.86% (215,372 คน) ในขณะที่นักโทษเด็ดขาดในคดีความผิดอย่างอื่นรวมกัน มีแค่ 17.14% (44,543 คน) เท่านั้น ในจำนวนนักโทษเด็ดขาดคดียาเสพติด มียาเสพตืดสองประเภทเท่านั้น ที่ระบาดมาก คือ ยาบ้า และไอซ์ เป็นคดียาบ้า 75.02% ยาไอซ์ 12.9% ส่วนยาเสพติดอย่างอื่นนแต่ละอย่าง (รวมทั้งกันชา) ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์
สัดส่วนของผู้ถูกขังในเรือนจำอย่างนี้ ผิดปกติอย่างมาก ไม่มีที่ไหนในโลกเหมือนไทย เป็นข้อเท็จจริงและตัวเลขที่แปลกประหลาดมาก แสดงว่าระบบกระบวนการยุติธรรม และแนวทางปราบยาเสพติดของไทยผิดเพี้ยนมากมาย แต่กลับไม่มีคนสนใจที่จะแก้ไข

ถ้าไม่รวมปัญหาเรื่องยาเสพติด จะเห็นว่าประเทศไทยมีอาชญากรรมอย่างอื่นน้อยมาก การที่มีผู้ทำผิดคดียาเสพติดถูกขังในเรือนจำ ถึง 81.57% ดูเหมือนว่าการปราบยาเสพติดได้ผลดีอย่างนั้นหรือ แต่ในความเป็นจริง ยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า ยิ่งระบาดมาก มีทุกหัวระแหง ราคาลดต่ำลงมามาก แสดงว่ามีของในตลาดมากมาย
มีคนที่ติดยาบ้าหลายล้านคน อยู่ในเรือนจำสองแสนกว่าคน ทำให้เห็นว่า การปราบยาบ้าตามแนวทางเดิมที่ทำอยู่ ไม่ได้ผล เดินมาผิดทาง ยิ่งแก้ ปัญหายิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้นทุกวัน ในโลกนี้มีแนวทางแก้ปัญหายาเสพติดสองแนวทางใหญ่ๆ

1.  แนวทางแรกคือ แนวทางแบบอเมริกา เน้นปราบปรามเด็ดขาด จับเอาเข้าคุกอย่างเดียว ใครเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นตัวเล็กตัวน้อย หรือตัวใหญ่ จับมาติดคุกให้หมด ไม่สนใจว่าจะเป็นการทำลายทรัพยากรมนุษย์หรือไม่ ซึ่งแนวทางของไทย เราตามแบบอเมริกามาเกือบสี่สิบปีแล้ว ตั้งแต่ตั้ง ป.ป.ส. และ บช.ปส ที่อเมริกากดดันและสนับสนุนรัฐบาลไทยให้ตั้งขึ้น และอเมริกามีอิทธิพลครอบงำทางความคิดของ ป.ป.ส.  และ บช.ปส ผ่านการฝึกอบรม ดูงาน และการให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการมาตลอด

2. อีกแนวทางหนึ่งคือ การแก้ปัญหาแบบยุโรป มองปัญหาแยกเป็นสองส่วน คือ พวกผู้ผลิต ผู้นำเข้า ส่งออก ผู้ค้ารายใหญ่ เป็นอาชญากรที่ต้องทุ่มเทกำลังปราบปรามเอาจริงเอาจัง ส่วนพวกติดยา พวกที่ต้องมาขายยารายเล็กรายน้อย เป็นพวกที่มีปัญหาสังคม ที่ต้องแก้ปัญหาด้วยการหาทางฟื้นฟู และไม่เอามาติดคุกให้ตกงานและไม่ทำลายทรัพยากรมนุษย์ ในยุโรปหลายประเทศ มีคลินิกนิรนาม แจกยาเสพติดให้ใช้ที่คลีนิคตามความจำเป็น หลังจากที่ได้พบหมอหรือนักจิตบำบัดแล้ว เพราะคนพวกนี้ ติดและเลิกยาก ต้องค่อยๆ บำบัดไป แต่การแจกยา เพื่อคนพวกนี้จะได้ไม่ต้องไปขายยาเพื่อหาเงินมาเสพยา เพราะการขายยาของคนที่ติดยา จะสร้างผู้เสพหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้คนพวกนี้จะติดยา แต่ยังทำงานได้ เขาจึงไม่อยากเอามาไว้ในคุก พยายามประคับประคอง บำบัด ด้วยการแก้ปัญหาทางสังคม ในไทย ยาเสพติดมีราคาแพง คนติดยาไม่มีปัญญาซื้อ ก็ต้องไปขายยา เพื่อให้ตัวเองได้เสพยาจากกำไรในการขาย

คนติดยาพวกนี้จะถูกจับเข้าคุก ตกงาน และเมื่อออกไปจากคุก ก็ไม่มีอนาคตเหลือ ไม่สามารถหางานใหม่ได้ ทางเลือกคือ ประกอบอาชีพอิสระ (ซึ่งมีไม่มาก) หรือลักทรัพย์ ปล้นจี้ หรือไปขายยาต่อ ยิ่งเอารายเล็กรายน้อยเข้าคุกมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งทำลายทรัพยากรมนุษย์ ทำลายกำลังแรงงาน และเพาะสร้างอาชญากร โดยเฉพาะผู้ค้ารายใหญ่ มากขึ้นเท่านั้น ไม่มีที่ไหนเพาะพันธุ์อาชญากรได้ดีไปกว่าในเรือนจำหรอกครับ

และด้วยวิธีการปราบปรามของไทยที่ไม่คุ้นชินกับการสืบสวนระยะยาวเป็นเวลานานเพื่อหาหลักฐานจับรายใหญ่ เพราะกฎหมายและระบบไม่เอื้ออำนวย ทำให้เจ้าหน้าที่นิยมจับรายย่อย เพราะจับง่าย ไม่มีปัญญาสู้คดี ได้ความดีความชอบ ดีกว่าจับรายใหญ่ ที่จับยาก หาหลักฐานยาก เอาผิดยาก การปราบของไทยจึงมีแต่รายย่อย ปลาซิว ปลาสร้อย พวกติดยาที่ขายยาเล็กน้อย พวกเดินยา พวกรับจ้างขน พวกกองทัพมด เต็มไปหมด แต่รายใหญ่ที่ติดจริงมีน้อยถึงน้อยมากที่สุด

นโยบายปราบยาเสพติดของไทยจึงล้มเหลว ยิ่งปราบ ยาเสพติดยิ่งระบาดมาก เพราะเราไม่ทุ่มเทเพื่อจับรายใหญ่เหมือนในยุโรป เราเอากำลังมาจับรายเล็กรายน้อยหมด ซึ่งเป็นการปราบที่ไร้คุณภาพ คดีอาญามากกว่า 1/3 เป็นคดียาเสพติด รายย่อยทั้งนั้น รกโรงรกศาลเต็มไปหมด เมื่อไหร่เราจะเปลี่ยนจากแนวทางปราบปรามอย่างเดียวแบบอเมริกา มาศึกษาและนำเอาแนวทางแบบยุโรปมาใช้แทน ในขณะที่แนวทางปราบอย่างอเมริกา ทำให้อเมริกามีนักโทษสูงกว่าสามล้านคน ซึ่งสูงที่สุดในโลก

แนวทางแบบยุโรป มำให้หลายประเทศ ปิดคุกไปเพราะไม่มีนักโทษให้ขัง และยาเสพติดระบาดในวงจำกัด น้อยกว่าที่อเมริกามาก งบประมาณที่จะต้องเอามาเลี้ยงนักโทษ ก็เอาไปใช้พัฒนาประเทศแทน ไม่ทำลายคนด้วยการทำให้เป็นคนขี้คุก ที่ชีวิตจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขอแค่ให้พิจารณาศึกษาแนวทางแก้ปัญหายาเสพติดแบบยุโรป ที่ได้ผล แล้วเอามาปรับใช้ แทนที่จะเดินตามแนวทางปราบอย่างเดียวของอเมริกาจะได้ไหม ป.ป.ส. จะไม่ศึกษาวิธีแก้ปัญหาของยุโรป หรือเอามาใช้หรือครับ เพราะการปราบแบบอเมริกามี่ทำมาหลายสิบปี ไม่ได้ผล ยิ่งปราบยาบ้ายิ่งเยอะ คนติดยาเพิ่มสูงขึ้นตลอด เห็นได้ชัดว่า การแก้ปัญหาแบบเก่าไม่ได้ผล พวกท่านก็ยังจะดันทุรัง เดินหน้าเอาหัวชนฝาต่อไปเรื่อยๆ หรือครับ

วันชัย รุจนวงศ์
19 ก.พ. 64”




กำลังโหลดความคิดเห็น