ฮ่องกงอาจกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูยังคงเฟื่องฟู หลังห้องอพาร์ตเมนต์ห้องหนึ่งถูกขายในราคา 59 ล้านดอลาร์ (ราว 1,760 ล้านบาท) สร้างสถิติใหม่แพงสุดในเอเชีย สำหรับอัตราการขายต่อตารางนิ้ว
ในขณะที่มีที่พักอาศัยขายแพงกว่านี้ในฮ่องกง แต่เพนต์เฮาส์สุดหรูขนาด 3,378 ตารางฟุต (ราว 1,029 ตารางเมตร) ในย่าน Mid-Levels เขตที่พักอาศัยของคนร่ำรวย สร้างสถิติใหม่สำหรับราคาต่อตารางฟุตที่ 17,500 ดอลลาร์ (ราว 5.2 แสนบาท) หลังจากสื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานเมื่อวันพุธ (17 ก.พ.) ว่ามันถูกขายในราคา 495.4 ล้านเหรียญฮ่องกง (ราว 1,760 ล้านบาท)
ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองเมื่อไม่นานที่ผ่านมา และการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก่อความเสียหายร้ายแรงแก่เศรษฐกิจของฮ่องกง โดยเศรษฐกิจหดตัว 6.1% ในปีที่แล้ว สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนอัตราคนว่างงานในปัจจุบันอยู่ที่ 6.6% สูงสุดในรอบ 16 ปี
อย่างไรก็ตาม ยอดขายอสังหาริมทรัพย์หรูที่ยังคงเฟื่องฟู บ่งชี้ว่าพวกมหาเศรษฐีทั้งหลายสามารถยืนหยัดรับมือพายุได้อย่างสบายๆ
ผู้ซื้อรายหนึ่งซึ่งไม่ระบุตัวตน ยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อเป็นเจ้าของห้องแห่งนี้บนอาคารอพาร์ตเมนต์หรูที่เพิ่งสร้างใหม่ 21 Borrett Road ทำลายสถิติสูงสุดราคาต่อตารางฟุตเดิมที่เคยจารึกเอาไว้ในปี 2017
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น 1 สัปดาห์ หลังจากห้างหุ้นส่วนแห่งหนึ่งสร้างสถิติใหม่ จ่ายเงิน 935.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (28,000 ล้านบาท) หรือ 6,450 ดอลลาร์สหรัฐ (190,000 บาทต่อตารางฟุต) สำหรับเป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งบน The Peak ภูเขาสูงที่สุดบนเกาะฮ่องกง และยังคงเป็นย่านสันโดษที่สุดของเมือง
ฮ่องกงคือเมืองที่มีช่องว่างห่างกันโดยสิ้นเชิง โดยในดินแดนแห่งนี้สามารถพบเห็นบรรดาคนชราเดินเก็บกระดาษแข็งไปรีไซเคิลบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยซูเปอร์คาร์และห้างสินค้าหรูมากมาย
ศูนย์กลางทางการเงินแห่งนี้ ครองแชมป์เมืองที่มีราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยสูงที่สุดในโลก โดยแม้กระทั่งอพาร์ตเมนต์ที่มีราคาถูกที่สุดก็ยังคงไกลเกินเอื้อมสำหรับแรงงานส่วนใหญ่
รัฐบาลชุดแล้วชุดเล่าต่างล้มเหลวจัดการปัญหาความเท่าเทียมหรือปัญหาขาดแคลนที่พักอาศัย ความทุกข์ยากที่เติมเชื้อการประท้วงใหญ่ของฝ่ายประชาธิปไตยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในรายงานด้านอสังหาริมทรัพย์ของ CBRE ปี 2019 จัดอันดับให้ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยสูงที่สุดในโลก ด้วยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2,091 ดอลลาร์สหรัฐ (26,000 บาท) ต่อตารางฟุต ซึ่งนั่นทำให้ค่าเฉลี่ยราคาอสังหาทรัพย์ในฮ่องกง อยู่ที่ราวๆ 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35 ล้านบาท) แพงกว่าอันดับ 2 อย่างสิงคโปร์อย่างมาก โดยสิงคโปร์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 874,372 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26 ล้านบาท)
รายงานของ UBS ในปีเดียวกัน พบว่า “แรงงานที่มีทักษะความสามารถ” จำเป็นต้องใช้เวลา 22 ปี ถึงจะสามารถซื้ออพาร์ตเมนต์ขนาด 60 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากทศวรรษก่อน 12 ปี ในขณะที่อัตราเงินเดือนส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับเดิมมาตั้งแต่ปี 2008
อย่างไรก็ตาม สำหรับบรรดามหาเศรษฐีนั้น ยังคงพบเห็นทรัพย์สินของพวกเขาพอกพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานสถานการณ์ความมั่งคั่งทั่วโลก (global wealth report) ของ Knight Frank บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์จากสหราชอาณาจักร พบว่ามีจำนวนมหาเศรษฐีในฮ่องกงเพิ่มขึ้นจาก 40 คนในปี 2013 เป็น 71 คนในปี 2019 ส่งผลให้เมืองแห่งนี้มีอัตรามหาเศรษฐีต่อจำนวนประชาชนสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก