“เชาว์” คาด 4 แกนนำม็อบ อดได้ประกันตัวยาว คำสั่งศาลอุทธรณ์ถือเป็นที่สุด ชี้ม็อบผิดมาตรา 112 ชัดเจน หมดหนทางชนะคดี แนะสารภาพผิด ยอมติดคุกแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ ลั่นต้องสืบสาวหาคนอยู่เบื้องหลังด้วย ถ้าชัดเจนว่าเด็กถูกหลอกใช้ อาจเป็นเหตุให้ศาลลดโทษได้
วันที่ 17 ก.พ. 2564 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “การแก้ ม.112 เป็นเรื่องไม่บังควร”
โดยนายเชาว์กล่าวในช่วงนึงว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัว 4 แกนนำ ทางกฎหมายถือว่าถึงที่สุดแล้ว แม้สามารถยื่นประกันตัวได้ตลอดเวลา แต่โดยหลักทางปฏิบัติของศาลจะไม่กลับคำสั่งศาลอุทธรณ์ ซึ่งเหตุผลที่ศาลวางไว้ คือ พฤติการณ์ก่อความผิดซ้ำซาก ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ตนคิดว่าศาลใช้ดุลพินิจโดยชอบแล้ว เพราะเป็นการป้องปรามไม่ให้ทำผิดกฎหมายซ้ำ แล้วเรื่องนี้จะมองว่าเป็นเรื่องการเมืองไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ฉะนั้น มาตรา 112 ถ้าแก้ไขจริงๆ ไม่ใช่ใช้วิธีเย้ยกฎหมาย มันต้องไปแก้ที่สภา
ถ้าจะให้ศาลเปลี่ยนดุลพินิจ ในการขอประกันตัว ต้องมีเหตุผลพิเศษจริงๆ แต่จากการทำผิดซ้ำซาก ตนมองไม่ออกเลย นอกจากต้องแถลงการณ์มาเลยว่ายอมแพ้แล้ว ยอมรับสารภาพต่อศาล และยืนยันว่า ถ้าออกมาจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก ขอปล่อยตัวชั่วคราวออกมาเรียนหนังสือ แบบนี้ทางออกพอจะมี
นายเชาว์กล่าวอีกว่า อย่าลืมการกระทำผิดแต่ละครั้ง กฎหมายนับเป็นกรรม 1 กรรม คือ ความผิด 1 ครั้ง ศาลพิพากษาตามอัตราโทษที่วางไว้ ฉะนั้น ถ้านับความผิดของแต่ละคนที่ทำมาตลอดเวลาปีเศษๆ นึกไม่ออกว่าแกนนำจะนอนในคุกสักกี่ปี ต้องสืบสาวเบื้องลึกไปถึงคนอยู่เบื้องหลังด้วย ถ้ามองดีๆ ม็อบมีกระบวนการคิดที่เป็นขั้นตอน สังเกตเห็นว่าแกนนำเยาวชนกระบวนการคิดยังไม่ตกผลึก แต่คนที่อยู่เบื้องหลังคอยเติมเรื่องราวให้คนเหล่านี้ปฏิบัติการ
ทางกฎหมายคนบงการมีความผิดเหมือนกัน ต้องค้นความจริงให้ได้ ถ้าชัดเจนว่าเด็กถูกหลอกใช้ ชั้นศาลอาจประนีประนอมโทษให้ เพราะตกในวังวนถูกหลอกลวง หลงผิดในข้อเท็จจริง เป็นเหตุลดโทษได้ แต่ก็ต้องเกิดจากการสำนึกผิด คือ การรับสารภาพก่อน
นายเชาว์กล่าวด้วยว่า การต่อสู้คดีมาตรา 112 ตามความผิดที่ปรากฏชัดในแต่ละวัน ไม่รู้จะเอากฎหมายไหนมาต่อสู้ แล้วจะใช้ทนายเก่งกาจขนาดไหนมาต่อสู้ เพราะสู้ไม่ได้จริงๆ จะมาอ้างว่าเป็นความคิดเห็นต่างทางการเมืองก็ไม่ได้ เพราะมาตรา 112 เป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ความเห็นต่างทางการมือง มองไม่ออก ทางลงของม็อบจะจบอย่างไร
ถ้าตนเป็นทนาย แนะนำว่ารับสารภาพ กฎหมายวางโทษไว้สูง รอการลงโทษไม่ได้ แต่คงลดโทษให้ต่ำได้ สุดท้ายคงต้องขอพระราชทานอภัยโทษ เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดและรับโทษจำคุกแล้ว และต้องสำนึกผิดด้วย ไม่ใช่ออกมาทำผิดซ้ำอีก
