“หมอล็อต” นายสัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยสาเหตุเป็ดแดงตายเป็นจำนวนมากกลางทุ่งนา ชี้อาจเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในการใช้ยาฆ่าแมลงที่เหมาะสมของเกษตรกร
จากกรณีพบนกเป็ดแดงซึ่งเป็นนกตระกูลเดียวกับนกเป็ดน้ำ สัตว์สงวนคุ้มครอง ตายเกลื่อนกลางทุ่งนาในพื้นที่หลังหมู่บ้านคันทรีวิว ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง เกือบ 100 ตัว บางตัวตายอย่างทุรนทุราย ทางเจ้าหน้าที่คาดว่ามีการโปรยสารเคมีลงนาข้าว ก่อนที่นกฝูงนี้จะบินมากินจนตายลงทั้งฝูง
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ. นสพ.ภัทรพล มณีอ่อน หรือหมอล็อต นายสัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ภัทรพล ล็อต มณีอ่อน” เปิดเผยถึงสาเหตุเป็ดแดงตายเป็นจำนวนมากกลางทุ่งนา ระบุว่า “เปิดสาเหตุเป็ดแดงสัตว์ป่าคุ้มครองตายเกลื่อนทุ่งนา...เจ้าหน้าที่เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน นำหลักการจัดการด้านอายุรศาสตร์สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่าเข้ามาใช้สำหรับเหตุการณ์เป็ดแดงตายในพื้นที่เกษตรในจังหวัดลำปาง
จากการตรวจสอบเบื้องต้น รวมทั้งสอบถามผู้เช่าพื้นที่แปลงนาดังกล่าว คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องสารเคมีที่ใช้ (ยาฆ่าหญ้า) ซึ่งเจ้าของแปลงนาแจ้งว่าปกติจะใช้สารเคมีแบบพ่น ต่อมาทางชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงไม่สามารถทนกลิ่นเหม็นได้จึงเปลี่ยนมาใช้แบบละลายน้ำ โดยมีการป้องกันนกมากินด้วยการเปิดไฟในเวลากลางคืน แต่แปลงที่เป็ดแดงมาตายซึ่งมีจำนวนมากถึง 86 ตัว ปรากฏว่าสายไฟมาไม่ถึงแปลงดังกล่าว นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบยังพบนกธรรมชาติอื่นๆ ตายอีกจำนวนหนึ่ง สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างซากเป็ดแดง ดิน และน้ำในบริเวณเกิดเหตุเพื่อส่งตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
สำหรับซากตัวอย่างที่พบค่อนข้างเน่าเนื่องจากมีการตายตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา จากการตรวจสอบซากเป็ดแดงส่วนใหญ่มีลักษณะการสำรอกอาหารสารคัดหลั่งออกมาทางปาก สภาพของเป็ดแดงไม่ผอมหรือมีรอยโรคเฉพาะ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นทุ่งนา อยู่หลังหมู่บ้านจัดสรร
จากการสอบถามบุคคลในพื้นที่ไม่มีการเลี้ยงสัตว์ปีกปศุสัตว์หรือมีการป่วยตายแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม มีการพบเห็นเป็ดแดงในบริเวณนี้เป็นประจำ (เนื่องจากบริเวณนี้มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆ พื้นที่) ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้สารเคมีในนาข้าวแห่งนี้และมีการตายของนกบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่าพบเป็นจำนวนมากผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ได้มีการเก็บตัวอย่างเพื่อชันสูตรโรคต่างๆ เพื่อประเมินและเฝ้าระวังควบคู่กันด้วย
หากมีการใช้สารเคมีชนิดละลายน้ำในแหล่งน้ำ ผลกระทบจะเกิดเป็นวงกว้าง ไม่ใช่แค่เพียงนก หรือเป็ดเท่านั้น สัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์ รวมถึงประชาชนที่อยู่พื้นที่เดียวกับแหล่งน้ำก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
หากพบว่าพื้นที่ใดมีการใช้สารเคมีในลักษณะนี้ แม้ผลกระทบอาจยังเกิดขึ้นไม่ชัดเจนก็สามารถประเมินความเสี่ยงได้ จากการเก็บตัวอย่าง กุ้ง หอย ปู ปลา ในแหล่งน้ำเป็นดัชนี้ชี้วัดคุณภาพน้ำและความเสี่ยงได้
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจรวมถึงการให้ข้อมูล การประชาสัมพันธ์กับเกษตรกร เรื่องวิธีการใช้ยาฆ่าแมลงที่เหมาะสม ความปลอดภัย รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญอย่างมาก เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณเดียวกันนี้อีก ซึ่งต้องอาศัยหลักการจัดการด้านอายุรศาสตร์สิ่งแวดล้อมกับสัตว์ป่าเข้ามาช่วย เป็นอีกกรณีศึกษาที่ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในที่อื่นๆ อีก”