กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยสาเหตุ “เป็ดแดง” กว่า 80 ตัวตายเกลื่อนทุ่งนา ที่จังหวัดลำปาง เนื่องจากสารเคมี “ยาฆ่าหญ้า” ที่เกษตรกรนำมาใช้ พร้อมเร่งให้เจ้าหน้าที่สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน นำหลักการจัดการด้านอายุรศาสตร์สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่าเข้ามาใช้
จากเหตุการณ์น่าสลด เมื่อช่วงเย็น วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา พบนกเป็ดแดง หรือ เป็ดแดง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่หนีหนาวมาจากหลายประเทศ ต้องมาตายเกลื่อนอยู่ในแปลงนา ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง จำนวน 86 ตัว
วันนี้ (7 ก.พ.2564) กรมอุทยานฯ รายงานว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น รวมทั้งสอบถามผู้เช่าพื้นที่แปลงนาดังกล่าว คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องสารเคมีที่ใช้ (ยาฆ่าหญ้า) ซึ่งเจ้าของแปลงนาแจ้งว่า ปกติจะใช้สารเคมีแบบพ่น ต่อมาทางชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงไม่สามารถทนกลิ่นเหม็นได้ จึงเปลี่ยนมาใช้แบบละลายน้ำ โดยมีการป้องกันนกมากินด้วยการเปิดไฟในเวลากลางคืน
แต่แปลงที่เป็ดแดงมาตาย ซึ่งมีจำนวนมากถึง 86 ตัว ปรากฎว่าสายไฟมาไม่ถึงแปลงดังกล่าว นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังพบนกธรรมชาติอื่นๆ ตายอีกจำนวนหนึ่ง สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่าง ซากเป็ดแดง ดิน และน้ำในบริเวณเกิดเหตุเพื่อส่งตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
สำหรับซากตัวอย่างที่พบค่อนข้างเน่า เนื่องจากมีการตายตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา (3 ก.พ.) จากการตรวจสอบซากเป็ดแดงส่วนใหญ่ มีลักษณะการสำรอกอาหารสารคัดหลั่งออกมาทางปาก สภาพของเป็ดแดงไม่ผอมหรือมีรอยโรคเฉพาะ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นทุ่งนา อยู่หลังหมู่บ้านจัดสรร
จากการสอบถามบุคคลในพื้นที่ไม่มีการเลี้ยงสัตว์ปีกปศุสัตว์หรือมีการป่วย ตาย แต่อย่างใด แต่อย่างใรก็ตามมีการพบเห็นเป็ดแดงในบริเวณนี้เป็นประจำ (เนื่องจากบริเวณนี้มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆพื้นที่) ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้สารเคมีในนาข้าวแห่งนี้และมีการตายของนกบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่าพบเป็นจำนวนมากผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเก็บตัวอย่างเพื่อชันสูตรโรคต่างๆ เพื่อประเมินและเฝ้าระวังควบคู่กันด้วย หากมีการใช้สารเคมีชนิดละลายน้ำในแหล่งน้ำ ผลกระทบจะเกิดเป็นวงกว้าง ไม่ใช่แค่เพียง นก หนือเป็ดเท่านั้น สัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์ รวมถึง ประชาชนที่อยู่พื้นที่เดียวกับแหล่งน้ำก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
หากพบว่าพื้นที่ใด มีการใช้สารเคมีในลักษณะนี้ แม้ผลกระทบอาจยังเกิดขึ้นไม่ชัดเจน ก็สามารถประเมินความเสี่ยงได้ จากการเก็บตัวอย่าง กุ้ง หอย ปู ปลา ในแหล่งน้ำเป็นดัชนี้ชี้วัดคุณภาพน้ำและความเสี่ยงได้
นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อนหรือ หมอล็อต นายสัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งมันส่งผลกระทบแน่นอน ดังนั้นการสร้างความรู้ความเข้าใจรวมถึงการให้ข้อมูล การประชาสัมพันธ์กับเกษตรกร เรื่องวิธีการใช้ยาฆ่าแมลงที่เหมาะสม ความปลอดภัย รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญอย่างมาก เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้อีก ซึ่งต้องอาศัยหลักการจัดการด้านอายุรศาสตร์สิ่งแวดล้อมกับสัตว์ป่าเข้ามาช่วย จึงเป็นอีกกรณีศึกษาที่ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในที่อื่นๆอีก
“หากพื้นที่เกษตรมีการใช้สารเคมีชนิดละลายน้ำในแหล่งน้ำ ผลกระทบจะเกิดเป็นวงกว้าง ไม่ใช่แค่เพียง นก หรืิอเป็ดเท่านั้น สัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์ รวมถึง ประชาชนที่อยู่พื้นที่เดียวกับแหล่งน้ำก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ทั้งนี้หากพบว่าพื้นที่ใด มีการใช้สารเคมีในลักษณะนี้ แม้ผลกระทบอาจยังเกิดขึ้นไม่ชัดเจน ก็สามารถประเมินความเสี่ยงได้ จากการเก็บตัวอย่าง กุ้ง หอย ปู ปลา ในแหล่งน้ำเป็นดัชนี้ชี้วัดคุณภาพน้ำและความเสี่ยงได้”
ข้อมูลอ้างอิง ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
เครดิตคลิป สํานักข่าวไทยTNAMCOT