“กรมทรัพยากรธรณี” เผย โครงกระดูกวาฬ ที่ขุดพบในพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งโครงกระดูกดังกล่าว คือ วาฬอำแพงมีอายุ 3,380 ปี ตามหลักฐานบ่งชี้ว่าพื้นที่บริเวณตำบลอำแพง เป็นทะเลเมื่อประมาณ 3,380 ปีก่อน
จากกรณี เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา พบโครงกระดูกวาฬขนาดใหญ่ไม่ทราบสายพันธุ์ โดยโครงกระดูกที่พบลึกจากผิวดินกว่า 6 เมตร ในพื้นที่ตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งขุดค้นได้มากกว่า 50% ประกอบไปด้วย กระดูกสันหลังที่สมบูรณ์ 19 ชิ้น กระดูกซี่โครง ข้างละ 5 ชิ้น สะบักไหล่และแขน (ครีบ) ด้านซ้าย จากนั้น พบชิ้นส่วนกระดูกวาฬเพิ่มเติม รวมมากกว่า 80% ได้แก่ กระดูกสันหลังส่วนลำตัวถึงส่วนคอ กระดูกซี่โครง และกะโหลกพร้อมขากรรไกรสภาพสมบูรณ์
ต่อมา เมื่อวันที่ 26 ม.ค. เพจ “กรมทรัพยากรธรณี” โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความรายงานว่า นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า หลังจากทีมกรมทรัพยากรธรณีลงพื้นที่สำรวจขุดค้นในพื้นที่ตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และทำการเคลื่อนย้ายโครงกระดูกวาฬเพื่อทำการอนุรักษ์ตัวอย่าง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี โดยมีชิ้นตัวอย่างโครงกระดูกวาฬ จำนวน 127 ชิ้นตัวอย่าง ขณะเดียวกัน ได้ส่งตัวอย่างกระดูกบริเวณส่วนหัวกะโหลกที่แตกหัก 1 ชิ้น ประมาณ 100 กรัม ไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์หาอายุด้วยวิธีศึกษาธาตุคาร์บอน-14 (C-14)
นายสมหมาย เตชวาล กล่าวอีกว่า ช่วงเวลากลางเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรธรณีได้ดำเนินการอนุรักษ์ตัวอย่างโครงกระดูกวาฬชิ้นสุดท้ายชิ้นที่ 128 คือ เฝือกส่วนกะโหลก และกระดูกหู 2 ข้าง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการจำแนกสายพันธุกรรมโบราณและวิวัฒนาการของวาฬ อีกทั้งยังพบขากรรไกรบน (ซ้าย-ขวา) และชิ้นส่วนนิ้วเพิ่มอีกจำนวน 3 ข้อ สรุปชิ้นตัวอย่างโครงกระดูกวาฬ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 138 ชิ้นตัวอย่าง และหลังจากการส่งตัวอย่างกระดูกวาฬอำแพงเพื่อวิเคราะห์หาอายุของวาฬ กรมทรัพยากรธรณีได้รับแจ้งจากห้องปฏิบัติการบริษัท เบต้า จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการชั้นนำด้านการหาอายุด้วยวิธีคาร์บอน 14 AMS ทราบว่า วาฬอำแพงมีอายุ 3,380 ปี ซึ่งผลอายุของกระดูกวาฬอำแพงได้นำไปสู่หลักฐานที่บ่งชี้ว่าพื้นที่บริเวณตำบลอำแพง เป็นทะเลเมื่อประมาณ 3,380 ปีก่อน ซึ่งอธิบายถึงสภาพนิเวศวิทยาโบราณที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ได้แก่ ฉลาม กระเบน หอยกาบคู่ หอยกาบเดี่ยว และการลำดับชั้นตะกอนทะเลโบราณของที่ราบภาคกลางได้เป็นอย่างดี