โซเชียลฯ แห่แชร์ช่วย พ่อเลี้ยงเดี่ยวชาวอียิปต์ ซึ่งทุกทรมานใจจากการถูกภรรยาไทยป่วย มีอาการทางจิต ขโมยลูกสาวที่เลี้ยงดูมาเพียงลำพัง ชี้ชัดขณะนี้ลูกตกอยู่ในอันตราย ระบุเคยแจ้งความ แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และเคยถูกครอบครัวฝ่ายภรรยาทำร้ายร่างกาย ด้านชาวเน็ตเศร้าเข้าใจหัวอกพ่อ
วันนี้ (26 ม.ค.) เฟซบุ๊ก “Mohamed Fawzy Motopia” เป็นชายชาวอียิปต์ เปิดโรงเรียนสอนศิลปะอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้โพสต์มีข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกภรรยาป่วยทางจิตลักพาตัวลูกสาวไป โดยยืนยันว่า ตนเองได้เลี้ยงดูบุตรสาวเพียงลำพัง และมีหลักฐานยืนยันเป็นภาพต่างๆ ในเฟซบุ๊ก ซึ่งมีการลงรูปต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน และเคยแจ้งความ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจละเลย และถูกครอบครัวฝ่ายภรรยาทำร้ายร่างกาย ขณะนี้มีความทุกข์ใจมากเพราะเป็นห่วงลูกสาว
โดยระบุเนื้อหาโพสต์ว่า “การลักพาตัวเด็ก ภรรยาป่วยทางจิตลักพาตัวลูกสาวของผมไป เรียนท่านที่เกี่ยวข้อง ผมชื่อ นายโมห์ฮาเหม็ด ฟาวซี่ อิบราฮิมคาห์เล็ด ผมเป็นชาวอียิปต์ เป็นครูสอนศิลปะมานานกว่า 20 ปี และขณะนี้ผมเปิดโรงเรียนสอนศิลปะอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ Facebook : Motopia-Majshima-Art-Culture-House ผมสำเร็จการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยอเล็กซานเดรีย ในอียิปต์ ผมอาศัยอยู่ในเชียงใหม่มาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีแล้ว ตั้งแต่ผมเริ่มมีความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักกับนางสาวมัชฌิมา สะพานทอง หรือชื่อเล่นว่า แอร์ เราแต่งงานกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายน 2019 แต่อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติผมเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว
เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา มัชฌิมา (แอร์) ได้ลักพาตัว “เมตตา” ลูกสาวของผมไปจากบ้านของเรา และยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
ต่อไปนี้เป็นเบื้องหลังของเหตุการณ์ :
ภรรยาของผมมีอาการป่วยทางจิต หลังจากเมตตาเกิดได้ 2-3 สัปดาห์ พฤติกรรมของเธอเปลี่ยนไป โดยแสดงอาการก้าวร้าวทั้งต่อเมตตาและต่อผม ในช่วงแรกๆ ของชีวิตเมตตา ภรรยาของผมไม่ได้ให้ความใส่ใจดูแลลูกของเราเธอไม่ให้อาหารลูก ไม่อาบน้ำให้ลูก หรือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ หรือแม้แต่เล่นกับลูก เธอมักจะตะโกนเสียงดังใส่ลูกและผม เธอมักมีอารมณ์ฉุนเฉียวและมักขว้างปาข้าวของภายในบ้าน และมักจะกวัดแกว่งมีดและกรรไกรไปมาต่อหน้าเมตตา โดยขู่ว่าจะทำร้ายตัวเอง หลายครั้งมัชฌิมา (แอร์) ชกต่อยและตบตีที่ใบหน้าของตนเอง (ซึ่งผมได้ทราบภายหลังว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของภรรยาผม)
ทุกๆ 2-3 สัปดาห์ ภรรยาของผมจะมีอาการตื่นตกใจและจะวิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า และผมจะให้เธอสงบสติอารมณ์อยู่ภายนอกบ้านแล้ว จึงพาเธอกลับเข้าบ้าน ผมสนับสนุนให้ภรรยาของผมไปพบหมอ และเธอ
ก็ได้ไปพบจิตแพทย์ที่ “โรงพยาบาลใกล้หมอ” ในเชียงใหม่ โดยแพทย์ได้จ่ายยารักษาอาการทางจิตให้กับแอร์
ผมรู้สึกทึ่งกับเมตตาลูกของเรา และทำทุกอย่างเพื่อลูกด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็น่าเศร้าที่แม่ของลูกอาการแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อเมตตาอายุ 14 เดือน ภรรยาของผมก็เริ่มหายตัวไป เป็นเวลานาน โดยช่วงแรกๆ เพียง 2-3 วัน ต่อมาก็หายไปเป็นสัปดาห์ และหายไปเป็นเดือนๆ หลังจากนั้น เธอก็จะกลับมาเป็นระยะเวลา 2-3 วัน และหายตัวไปอีก ซึ่งผมไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะไปเมื่อไร จะไปไหนและจะกลับมาเมื่อไร โดยทุกครั้งที่เธอหนีออกจากบ้านไป เธอจะไม่มีอะไรติดตัวไปเลยแม้กระทั่งเงิน บัตรประชาชน หรือเสื้อผ้า เป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้วที่ภรรยาของผมไม่เคยดูแลลูกเลย ดังนั้น เมตตาจะเป็นเด็กที่ไม่รู้ภาษาไทย จะเข้าใจแต่ภาษาอังกฤษ โดยเรียนรู้จากผม ทุกๆ ครั้งที่มัชฌิมา (แอร์) กลับมาบ้าน เธอมักจะทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อลูกเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด และเมตตาก็มักจะมีอาการหวาดผวากรีดร้องและร้องไห้เสียงดัง เพราะลูกกลัวเธอมาก
หลังจากเหตุการณ์แรกที่ภรรยาของผมกวัดแกว่งมีดไปมาต่อหน้าลูก ผมได้ไปแจ้งตำรวจ แต่ก็ไม่เป็นผล โดยตำรวจแจ้งว่าเป็นเรื่องของครอบครัว ตำรวจจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง และพวกเขายังแสดงอาการเยาะเย้ยผมในเวลาเดียวกัน หลายครั้งหลังจากเกิดเหตุการณ์กับภรรยาและลูก ผมได้ไปแจ้งตำรวจ แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ โดยทุกครั้งเจ้าหน้าที่จะไล่ผมออกมาและได้ล้อเลียนผม โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งครอบครัวของภรรยาของผมได้ทุบตีผมต่อหน้าตำรวจในสถานีตำรวจ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็เข้าข้างพวกเขา และต่อว่าผมว่าผมอยู่พื้นที่ของพวกเขา
เมตตาลูกสาวของผมอายุเกือบ 3 ขวบ ผมเป็นคนเดียวที่ดูแลลูกด้วยความรักความห่วงใยตลอดมา ผมสร้างชีวิตของลูกด้วยสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเขา ทำทุกๆ อย่างเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะทำให้ลูกได้ มอบความรัก ให้อาหารที่ดีที่เหมาะสม (เมตตามีอาการไวต่อการแพ้อาหารบางชนิดเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษ) การเรียนที่บ้าน และเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อให้ลูกได้รู้สึกมั่นคง มีผู้ปกครองที่เชื่อถือได้ ซึ่งเป็นเพื่อนของผมและเป็นพ่อแม่ของเด็กๆ ที่ผมสอนศิลปะให้กับพวกเขาทุกคนรับรู้ว่าผมมีความรักต่อลูกอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา และพร้อมจะมอบชีวิตที่ดี พร้อมที่จะทำให้เมตตาเป็นเด็กที่ดีมีสุขภาพดีและมีความสุขได้ ซึ่งผมเป็นทั้งเพื่อนและเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกในเวลาเดียวกัน
ผมได้บันทึกเรื่องราวของผมและลูกต่างๆ มากมาย ตั้งแต่วันที่เขาเกิดและตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี ลงในเฟซบุ๊ก
Facebook ของผม fb: Motopia art.7 และทุกคนก็สามารถเข้าไปดูและแสดงความคิดเห็นได้ตามเฟซบุ๊กนี้
เหตุการณ์ลักพาตัว:
เช้าวันที่ 6 มกราคม ในขณะที่ผมกำลังจะขนย้ายของขึ้นรถรอบสุดท้าย เพื่อจะย้ายบ้านจากหลังเดิมไปบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่า เนื่องจากผมต้องการสอนศิลปะภายในบ้านให้กับเด็กๆ และเมตตาสามารถเล่นภายนอกบ้านที่มีรั้วล้อมรอบได้อย่างปลอดภัยในขณะที่ผมสอน
ภรรยาของผมปรากฏตัวอีกครั้งในชีวิตผม ในสัปดาห์นั้นเธอพักอยู่กับแม่ของเธอที่อพาร์ตเมนต์และขอมาที่บ้านผม
ขณะที่ผมกำลังขนของขึ้นรถเพื่อจะย้ายบ้าน จึงฝากเมตตาไว้กับภรรยา เนื่องจากบ้านเก่ามีฝุ่นเป็นจำนวนมากและไม่สะอาด และเมตตาลูกของผมก็ดูสงบและเล่นอยู่รอบๆ ตัวเธอ
เมื่อผมกลับมาถึงบ้านก็พบว่า ภรรยาของผมได้อุ้มเมตตากระโดดลงจากประตูบ้านไป และผมก็ไม่สามารถตามเธอได้ทัน ผมได้ติดต่อเธอไปทุกๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ของเธอ ของพ่อแม่เธอ หรือแม้กระทั่งเฟซบุ๊กของพวกเขาก็ปิดและไม่สามารถติดได้แม้แต่ทางเดียว
พื้นเพครอบครัวภรรยาผม พวกเขาอาศัยและทำมาหากินอยู่ที่ “หัวหิน” ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผมไม่ทราบว่าพวกเขาพาลูกผมไปไว้ที่ไหนของประเทศไทย
ตอนนี้ผมเป็นห่วงเมตตาลูกของผมมาก น้องไม่สามารถเข้าใจและสื่อสารภาษาไทยได้ แม่ของน้องมีความผิดปกติทางจิตและประวัติการทำร้ายตัวเอง และไม่เคยดูแลลูก
ผู้ใดพบเห็นผู้หญิงและเด็กในภาพนี้ ช่วยแจ้งผมตามเฟซบุ๊กนี้ หรือแจ้งตำรวจให้ช่วยดูแลเมตตา ตอนนี้เด็กตกอยู่ในอันตราย”
คลิกโพสต์ต้นฉบับ