เพจดังชมเน็ตไอดอลช่วยเหลือเด็กดอย แต่ประณามบางคนลากมาแซะสถาบันฯ

เพจ “Vaccine” โพสต์ข้อความชื่นชมเน็ตไอดอลที่นำเงินส่วนตัวช่วยเหลือเด็กบนดอย จนติดอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ แต่พบว่ามีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งกลับโยงการทรงงานของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทำเอาเพจดังสุดทน จวกจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้เนื่องจากอยู่กันคนละยุคสมัย แนะเด็กรุ่นใหม่หัดหาความรู้บ้าง

จากกรณีที่ “พิมรี่พาย” หรือ น.ส.พิมพ์พรรณ สรัลรัชญ์ เน็ตไอดอล และแม่ค้าออนไลน์จำหน่ายน้ำหอมชื่อดัง โพสต์วิดีโอคลิป ระบุว่าได้นำเงิน 550,000 บาทไปซื้อทีวี ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และสร้างแปลงผักให้แก่เด็กๆ ที่หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นของขวัญในวันเด็กแห่งชาติ โดยอ้างว่าเด็กๆ เรียนไม่ถึงชั้นมัธยมเพราะไม่มีความฝัน อยู่ในโลกแคบๆ ไม่รู้ว่าโตขึ้นอยากทำอาชีพอะไร ไม่มีทีวี หรือสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเด็กบางคนไม่เคยกินข้าวไข่เจียว อาหารที่ดีที่สุดคือน้ำพริก กระทั่งได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตจำนวนมากนั้น

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก โดยเพจ “ซีนิว วิวเว่อร์ 4K” ได้โพสต์ข้อความจาบจ้วงถึงสถาบันฯ อีกด้วย อีกทั้งยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Beam Akapol” ก็มีพฤติกรรมโพสต์ข้อความจาบจ้วงถึงสถาบันฯ เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (10 ม.ค.) เพจ “Vaccine” ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยมีใจความว่า

“Vaccine ต้องขอชื่นชมด้วยใจจริง กับยูทูปเบอร์ บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง “พิมรี่พาย” แม้จะคาแรกเตอร์พูดจาโผงผาง ด่าเป็นด่า ฝีปากร้อนแรง แต่พิมรี่พายก็ออกไปช่วยเหลือผู้คนในสังคมที่กำลังตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ นั่นทำให้ช่องยูทูปของเธอมียอดผู้ติดตามมากกว่า 2 ล้านคน และที่ทำให้เป็นข่าวโด่งดังตั้งแต่ต้นปีก็คือการนำแผงโซลาร์เซลล์ไปติดตั้งให้แก่เด็กๆ ในหมู่บ้านทุรกันดารที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย บนดอยสูง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยเธอได้นำเงิน 550,000 บาทไปซื้อทีวี ติดตั้งไฟ และทำแปลงผักให้แก่เด็กๆ พร้อมบอกว่า “น่าสงสารที่สุดคือ เด็กๆ ไม่มีความฝัน” ไม่เคยคิดว่าจะมีที่แบบนี้ในประเทศไทย สิ่งต่างๆ ที่เธอทำล้วนดี ทั้งต่อใจผู้รับและผู้ชม ต่อสังคมและประเทศชาติ รวมทั้งตัวเธอ และช่องของเธอด้วย ...ผลบุญนี้ขอให้มียอดวิวถล่มทลาย ขายของดีเป็นเทน้ำเทท่า

แต่พออ่านคอมเมนต์ต่างๆ ดุเดือดจนดันพิมรี่พายขึ้นมาติดอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ แล้วก็ไม่วายแซะในหลวง ร.๙ มีคนเปรียบเทียบกับ 70 ปีที่พระองค์เคยทรงทำไว้ บ้างก็ตั้งคำถามว่าทำไมยุคนี้ถึงยังมีประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารอีก พาลไปถึงนายกฯ ตามเคย

แต่ของแบบนี้นะ จะเอามาเปรียบกันมันไม่ใช่ (ว่ะ) เหมือนเปรียบเทียบการทำงานของยุคแอนะล็อก กับดิจิทัล
ประเทศไทยยุคที่ท่านทรงงานมันเป็นแบบไหน ไม่รู้ก็ไปหาดูนะ จะเอามาเปรียบกับงานของเด็กยุคหลังที่คนรุ่นก่อนเขาบุกเบิก อดทนพัฒนาให้จนมีวันนี้ที่สะดวกสบาย เซลฟีได้ ยูทูปโชว์โลกได้แค่ปลายนิ้ว คนสมัยก่อนจะเห็นภาพพระองค์ดั้นด้นเสด็จพระราชดำเนิน พูดภาษาบ้านๆ ว่าทั้งเดิน ทั้งขี่ม้า ขึ้นเขาลงห้วย เสี่ยงอันตรายเข้าไปในดงฝิ่น สมัยนั้นเรียกได้ว่าเป็นดินแดนเถื่อนไกลปืนเที่ยง เพื่อไปจับเข่าเกลี้ยกล่อมให้ชาวเขาหันมาปลูกพืชอื่นๆ แทน ไม่ใช่แค่พูดคุย พระองค์ยังสร้างศูนย์วิจัยพันธุ์พืชเพื่อให้ได้พืชเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับภูมิประเทศมากที่สุด พืชผักผลไม้เมืองหนาวที่กินกันทุกบ้านก็สตรอว์เบอร์รี 80 นั่นไง จนทั่วโลกต่างให้การยอมรับว่าเป็นแม่ทัพทำสงครามกับยาเสพติดด้วยสันติวิธี ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขา INTERNATIONAL UNDERSTANDING เมื่อปี 2531 และอีกมากมาย

และไม่ใช่แค่ช่วยกันเป็นครั้งคราว แต่อุทิศทั้งชีวิต แบบนี้เรียกสร้างภาพ? ใช่ เพราะเป็นภาพที่คนทั่วไปสมองยังปกติ เขาจำได้กันทั้งประเทศน่ะสิ หลักฐานเต็มบ้านเต็มเมือง หาดูกันบ้าง”