“วราวุธ” ลงดูซากวาฬบ้านแพ้ว คาดอายุ 3-5 พันปี สภาพกึ่งฟอสซิล รอผลตรวจสอบอายุที่แท้จริงด้วยคาร์บอน-14 อีกครั้ง เบื้องต้นลักษณะกระดูกเป็นแบบเดียวกับวาฬบรูด้า เป็นหลักฐานสำคัญบ่งบอกการรุกของน้ำทะเลหลายพันปีก่อน และทำให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทยในอดีต
วันนี้ (25 พ.ย.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ติดตามการสำรวจขุดค้นโครงกระดูกวาฬ บริเวณ ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ว่า ตนได้รับทราบจากรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า มีการขุดพบซากกระดูกวาฬตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา ในวันนี้ ตนพร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และ นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ลงพื้นที่ติดตามการขุดค้นซากวาฬ เบื้องต้น ทางทีมนักสำรวจและนักวิชาการ ระบุว่า อายุของซากวาฬประมาณ 3,000-5,000 ปี ซากกระดูกเริ่มมีการแทนที่ด้วยแร่ธาตุแล้วบางส่วน ซึ่งนับว่าเป็นกึ่งซากดึกดำบรรพ์ (Subfossil) ซึ่งจะต้องตรวจสอบโดยละเอียดด้วยวิธีศึกษาธาตุคาร์บอน-14 อีกครั้ง
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า สำหรับชนิดพันธุ์ของซากวาฬดังกล่าว ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้นำทีมนักวิชาการพิสูจน์อัตลักษณ์เบื้องต้น พบว่า ลักษณะกระดูกที่พบมีลักษณะเดียวกับที่พบในวาฬบรูด้า อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิชาการดังกล่าวจะได้ตรวจพิสูจน์โดยละเอียดต่อไป ส่วนการขุดค้นพบครั้งนี้จุดที่พบห่างจากชายฝั่งทะเลปัจจุบันประมาณ 12 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ถึงการรุกของน้ำทะเลเข้ามาในแผ่นดินเมื่อหลายพันปีก่อน อีกทั้งสามารถศึกษาประวัติและวิวัฒนาการของวาฬและสัตว์ทะเลในอดีต และได้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพจากการพบซากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ที่มีมานับพันปี ซึ่งปัจจุบันพื้นที่นี้ก็ยังคงความสมบูรณ์ได้เป็นอย่างดี เรายังพบเห็นวาฬบรูด้าประมาณ 50 ตัว นอกจากนี้ พื้นที่อ่าวไทยตอนบนยังพบโลมาอิรวดี โลมาหลังโหนก หรือโลมาเผือก และโลมาหัวบาตรหลังเรียบ
“สุดท้ายอยากจะฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคนว่า ทะเลประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์มานับหลายพันปี ธรรมชาติเก็บหลักฐานความสมบูรณ์ให้เราได้เห็น ซากดึกดำบรรพ์เป็นตัวเก็บเรื่องราวในอดีตให้เราได้เรียนรู้ เป็นเครื่องบ่งชี้ความสมบูรณ์ในอดีต และที่สำคัญ เป็นเครื่องสะท้อนให้เราต้องตระหนักว่า ความสมบูรณ์มิได้เกิดขึ้นในรุ่นเรา หน้าที่ของเรา คือ ดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์นี้ ให้คงอยู่อย่างมีชีวิต สมดุล และยั่งยืน” รมว.ทส.กล่าว
ด้าน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เร่งรังวัดพื้นที่ พร้อมจัดทำแผนที่และผังการวางตัวของโครงกระดูกวาฬ เก็บกู้ และอนุรักษ์ซากกระดูก หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายต้องป้องกันมิให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นำทีมนักวิชาการและสัตวแพทย์ ลงพื้นที่ตรวจพิสูจน์ซาก เพื่อหาอัตลักษณ์เฉพาะของวาฬ เพื่อระบุชนิดพันธุ์ที่ถูกต้องชัดเจน ซึ่งล่าสุด การขุดค้นได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ พบกะโหลกพร้อมขากรรไกรสภาพสมบูรณ์มีความยาวประมาณ 3 เมตร และความยาวทั้งตัวประมาณ 12 เมตร กระดูกสันหลังที่สมบูรณ์ 19 ชิ้น กระดูกซี่โครง ข้างละ 5 ชิ้น สะบักไหล่และแขน (ครีบ) ด้านซ้าย และกระดูกสันหลังส่วนลำตัวถึงส่วนคอ นอกจากนี้ ตนคิดว่าในพื้นที่ดังกล่าวอาจจะมีซากดึกบรรพ์ของสัตว์ทะเลกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งหากพี่น้องประชาชนในพื้นที่พบเห็นซากหรือสงสัยว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ ขอให้แจ้งหน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โดยเร็ว เพื่อจะได้ตรวจพิสูจน์และดำเนินการรักษาคุ้มครองต่อไป
