นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ แนะ NGO ทำประชามติในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าประชาชนต้องการและไม่ต้องการให้แก้ในประเด็นใด ชี้เป็นประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานที่สุด และสะท้อนความต้องการทึ่แท้จริงของประชาชน
จากกรณีเฟซบุ๊กแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศนัดชุมนุมล้อมสภา ในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ติดตามการลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตั้งแต่ 15.00 น.ยาวไปจนกว่าจะรู้ผลลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อนำกษัตริย์กลับลงมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Nantiwat Samart” ในวันนี้ โดยมีการตั้งคำถาม 2 ข้อ ก่อนที่รัฐสภาจะพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการเสนอร่างหลายฉบับ ทั้งร่างของรัฐบาล ร่างของพรรคการเมืองและร่างของเอ็นจีโอที่มีประชาชนร่วมเข้าชื่อเสนอร่าง ในวันที่ 17 พ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยทั้ง 2 คำถาม คือ
“1. เอ็นจีโอที่รวบรวมรายชื่อประชาชนเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่าได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรต่างชาติหลายองค์กร แต่ที่สำคัญคือ องค์กร Open Society Foundation OSF. ซึ่งมีนายจอร์จ โซรอส เป็นเจ้าของเงินทุน นายคนนี้ไม่เคยหวังดีกับใคร จ้องแต่จะสูบเงินจากต่างประเทศ คงจำกันได้ นายโซรอสคนนี้ได้มาทุบค่าเงินบาทของไทยจนเสียหายเมื่อปี 2540 จะมีใครเชื่อมั้ยว่า คนหิวเงินอย่างนายโซรอสคนนี้จะมีความหวังดีกับประเทศไทย OSF. ถูกขับไล่ไม่ให้ดำเนินกิจการในหลายประเทศ บางประเทศล่มจม แตกแยกเพราะการทำงานของ OSF. ด้วยข้ออ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย
2. ในความเข้าใจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญคือ การแก้ไขรายมาตรา ไม่ใช่ยกร่างใหม่ทั้งฉบับ หากมีการตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างใหม่ทั้งฉบับ ต้องไม่เรียกว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดยเหตุที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการเห็นชอบมาจากประชาชน 16.8 ล้านเสียง เพื่อให้รัฐธรรมนูญมีความยึดโยงกับประชาชน และเป็นวิถีประชาธิปไตย ขอเสนอให้กลับไปสอบถามประชาชนด้วยการแสดงประชามติ ประชาชนจะยินยอมให้แก้ไขหรือไม่ มีประเด็นอะไรที่ประชาชนต้องการและอยากให้แก้ไข มีประเด็นอะไรที่ประชาชนไม่ต้องการหรือไม่ยินยอมให้แก้ไข
นี่คือประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานที่สุด อาจจะช้าไปบ้างแต่ชัวร์ เพราะได้รับฉันทามติจากประชาชนให้แก้ไข และเมื่อยกร่างเสร็จแล้ว ให้นำกลับไปขอให้ประชาชนลงประชามติรับร่างแก้ไขหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง ประชาธิปไตยแบบนี้อาจต้องใช้เงินมากหน่อย อาจจะเสียเวลา แต่ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของประชาชน”