แม่โพสต์อุทาหรณ์ หลังลูกป่วยติดไวรัส RSV เผยช่วงแรกมีอาการไอเพียงนิดเดียว ไม่มีน้ำมูก ไม่มีไข้ ไม่มีอาการอื่นๆ แต่ไม่ทานนม นอนไม่ได้ สุดท้ายรีบพบแพทย์ ระบุ หากไปช้าอาจจะมีอาการเขียวที่ใบหน้า ความรุนแรงของ RSV นั้นรวดเร็วมาก และไม่เหมือนหวัดทั่วไป
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. เฟซบุ๊ก “Chutima Thippayachan” คุณแม่รายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของลูก หลังจากป่วยติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี และอยากเตือนเหล่าๆ แม่ที่มีลูกน้อยให้รู้ว่า “ไม่ใช่โรคที่ไกลตัวอีกต่อไป” โดยระบุรายละเอียดว่า “อยากขอแนะนำให้คุณผู้ปกครองทุกท่าน เฝ้าดูอาการลูกอย่างต่อเนื่อง อย่าละเลยโดยเด็ดขาด ถึงแม้ลูกจะแค่ไอเบาๆ ก็ตาม เนื่องจากเคสของ ลูกชายเองนั้น วันแรกน้องมีอาการไอเพียงนิดเดียว ไม่มีน้ำมูก ไม่มีไข้ ไม่มีอาการอื่นใดๆ ทั้งสิ้น
พอเข้าสู่วันที่สองระหว่างวันอาการไอของน้องดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่ต่อมาช่วงเย็น น้องเข้านอนตามปกติ สักพักน้องมีเสียงไอดัง เหมือนเสียงครึกๆ ออกมาจากข้างใน ไอแบบร้องจนนอนไม่ได้ และไม่ทานนมเหมือนที่เคย อารมณ์แบบอะไรเข้าปากไม่ได้แล้ว ฉันหายใจไม่ออก ทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำมูก มี๊ไม่รอช้ารีบพาน้องเข้าโรงบาลทันที และใช่ค่ะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากรอไปอีก น้องอาจจะมีอาการเขียวที่ใบหน้า
ความรุนแรงของ RSV นั้น รวดเร็วมากแบบติดจรวดมากค่ะ ให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังเลยนะคะ เพราะอาการจะไม่เหมือนหวัดทั่วไป จะไม่ค่อยๆ มีน้ำมูกแล้วค่อยๆ ไอ เพราะเคสของสายฟ้า คือ ไอเล็กน้อย ต่อมาภายใน 48 ชม. คือหนักเลย ระบบทางเดินหายใจเริ่มติดขัด เนื่องจากปอดอักเสบอย่างรวดเร็ว ต่อมที่กล่องเสียงทั้งสองข้างเริ่มโตมาเบียดกัน ทำให้น้องหายใจไม่เต็มที่ แต่เมื่อมี๊พาน้องถึงมือหมอเร็ว ทุกอย่างปลอดภัยค่ะ ทั้งสายน้ำเกลือ ทั้งฉีดยา ทั้งพ่นยา ทั้งดมออกซิเจน สงสารน้องมากๆ
สาเหตุที่เป็นคือ อาจเกิดจากผู้ใหญ่หรือพี่ชายเป็นพาหะนำพาเชื้อไวรัสกลับมาให้น้อง ทำไมพี่ชายไม่เป็น อาจเพราะพี่ชายมีภูมิคุ้มกันที่มากกว่า เมื่อกลับมาสัมผัสน้อง ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ต่ำ น้องจึงติดเชื้อไวรัส RSV
โดยฝากคำเตือนทิ้งท้าย สำหรับผู้ปกครองและพี่ๆ ที่ออกนอกบ้านไปทำงานหรือไปเรียน กลับมาควรอาบน้ำล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสน้อง เพราะต่อให้ไม่ได้พาน้องออกไปไหน ไวรัสก็มาหาน้อง ได้เฝ้าระวังลูกน้อยอายุต่ำกว่า 1.5 ปี ให้ดีนะคะ น้องๆอยู่ในช่วงวัยที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอ”
คลิกโพสต์ต้นฉบับ