xs
xsm
sm
md
lg

เอสที เฟอร์ทิลิตี้ ผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยอินทรีย์เคมี ชูวลีเด็ด “เรารู้ใจพืช” ชวนพันธมิตรทำธุรกิจขายปุ๋ยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ผ่านช่องทางร้านค้า และ ออนไลน์ เปิดแอพขายปุ๋ยรายแรก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันที่ 29 ตุลาคม 2563 บริษัท เอสที เฟอร์ทิลิตี้ จำกัด จ.นครปฐม ผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยอินทรีย์เคมี ยาวนานกว่า 15 ปี ปรับธุรกิจสู้โควิด -19 เปิดตัวโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์พร้อมหนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายได้เสริมจากการจำหน่ายปุ๋ยตามความต้องการของพืชและสภาพของดินเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน


ดร.สมบัติ สุขมะณี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสที เฟอร์ทิลิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในอดีตดินมีความอุดมสมบูรณ์ มีอินทรีย์วัตถุสูง มีแร่ธาตุอาหาร มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากมาย เพราะอดีตเคยเป็นป่าไม้ที่เติมอินทรีย์วัตถุจากซากพืชซากสัตว์มาหลายพันปี ดินซึ่งเป็นแหล่งอาหารของพืช เป็นภูมิคุ้มกันให้พืชและส่งต่อเป็นอาหารที่ดีให้มนุษย์มายาวนานกว่า 100 ปี ที่มนุษย์ถางป่ามาเพาะปลูกพืชทำการเกษตรกรรมและใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตพืช และละเลยการปรับปรุงดิน แถมยังเผาทำลายตอซังซากพืช ดินจึงเริ่มเสื่อมลง จุลินทรีย์ลดลง พืชจึงเริ่มอ่อนแอขาดภูมิคุ้มกัน จึงถูกโจมตีโดยโรคและแมลงได้ง่าย มนุษย์จึงต้องผลิตเคมีภัณฑ์มาใช้ป้องกันรักษา ซึ่งกลายเป็นปัญหาเพิ่มภาระทุนและปนเปื้อนเป็นพิษกับมนุษย์ เมื่อเห็นปัญหาเช่นนี้แล้ว ทุกคนที่ทำอาชีพเกษตรกรรมจึงต้องดูแลรักษาดินให้ดีอยู่เสมอ


จึงเป็นที่มาของพันธกิจสำคัญของ บริษัท เอสที เฟอร์ทิลิตี้ จำกัด ที่เราต้องรักษาฟื้นฟูดินด้วยการพัฒนาปุ๋ยที่มีอินทรีย์วัตถุ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยอินทรีย์เคมี และการส่งเสริมการใช้ เพื่อรักษาฟื้นฟูดิน เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ดินให้จุลินทรีย์กลับคืนมา สร้างภูมิคุ้มกันให้ดิน เมื่อดินดีจะส่งต่อภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคพืช จึงอาจไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี ซึ่งจะดีต่อสุขภาพของเกษตรกรและส่งต่อภูมิคุ้มกันเป็นอาหารที่ดีให้ผู้บริโภคด้วย นี่จึงเป็นการสร้างความยั่งยืนต่อการทำเกษตรกรรมในอนาคต




“จากประสบการณ์กว่าร้อยกว่า 15 ปี ในด้านเทคโนโลยีและการบริหารต้นทุน และความรู้ด้านปุ๋ย ธาตุอาหารพืช และวัสดุปรับปรุงดิน ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะแนะนำสูตรปุ๋ยต่างๆ ให้กับเกษตรกร ประกอบกับบริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง จึงทำให้มีความมั่นใจว่า จะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงเป็นผู้นำในการพัฒนาสูตรปุ๋ย และเป็นปุ๋ยคุณภาพที่สามารถบอกได้ว่า บริษัท เอสที เฟอร์ทิลิตี้ ผลิตปุ๋ยที่ “รู้ใจพืช” อย่างแท้จริง


ด้านนางวชิราภรณ์ สุมะณี รองประธาน บริษัทเอสที เฟอร์ทิลิตี้ จำกัด กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันความต้องการใช้ปุ๋ยในภาคการเกษตรยังคงมีปริมาณสูง มีมูลค่าการตลาดกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี แต่กว่า 90% เป็นปุ๋ยเคมีและนำเข้าจากต่างประเทศ ปุ๋ยเคมีเน้นเร่งผลผลิตพืชแต่ก็อาจสร้างปัญหากับดินได้ถ้าใช้ไม่เหมาะสม จึงจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาปุ๋ยทางเลือกที่มีอินทรีย์วัตถุคุณภาพดี เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตและบำรุงรักษาดินด้วย 


โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 มีคนกลับไปทำเกษตรมากขึ้นและนิยมใช้ปุ๋ยอินทรีย์ บริษัทฯ ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด โดยปุ๋ยที่เกษตรกรใช้นั้นก็มีหลากหลายทั้งปุ๋ยอินทรีย์ และอินทรีย์เคมี รวมทั้งสูตรปุ๋ยที่จะใช้ในพืชแต่ละชนิดแต่ละช่วงการเจริญเติบโต แต่ละสภาพพื้นที่ก็มีความแตกต่างกัน โดยปัจจุบันเราพัฒนาสินค้าปุ๋ยกว่า 100 สูตร ใน 8 ประเภท ภายใต้แบรนด์สินค้ากว่า 25 แบรนด์ อาทิ แบรนด์นิลเพชร และมีทะเบียนปุ๋ยที่จดไว้กับกรมวิชาการเกษตรรวมกว่า 150 ทะเบียน รวมสินค้าทั้งหมดกว่า 200 รายการ ไว้รองรับการตลาดที่หลากหลายของพันธมิตรธุรกิจที่เป็นทั้งร้านค้า สหกรณ์ ตัวแทนย่อยและการขายแบบออนไลน์ ทั้งเรายังมีศูนย์เรียนรู้ในพื้นที่โรงงานของเรา เพื่อใช้เป็นแหล่งศึกษาทดลองการปลูกพืชและการใช้ปุ๋ยชนิดต่างๆ และเผยแพร่ความรู้ศาสตร์ตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9






ทั้งนี้ นายนิธิวิทย์ งามเกษม ผู้อำนวยการการตลาด กล่าวถึงสถานการณ์ของตลาดปุ๋ยในปัจจุบัน โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์วิจัยกรุงศรีที่ระบุว่า ความต้องการใช้ปุ๋ยเคมีในช่วงปี 2561-2563 ที่ผ่านมานั้นมีการขยายตัวอยู่ในช่วง 5-7% ต่อปี โดยมีปัจจัยหนุนมาจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการขยายการเพาะปลูก และเกษตรกรมีกำลังซื้อกระเตื้องขึ้นตามราคาสินค้าเกษตร รวมถึงแนวโน้มการขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อยและปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชที่มีอัตราการใช้ปุ๋ยเคมีต่อไร่สูง อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ส่งกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากมีหลายธุรกิจที่ปิดตัว จึงส่งผลต่อรายได้ของประชาชน ประกอบกับเศรษฐกิจทั่วโลกก็ตกต่ำ จึงทำให้ประเทศไทยต้องหันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น 




โดยในส่วนของเกษตรกรนั้น ได้มีการหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยอินทรีย์เคมีเพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งเสริมจากภาครัฐให้เกษตรกรผลิตปุ๋ยใช้เอง ซึ่งทางบริษัทฯ เล็งเห็นว่าการพัฒนาการขายปุ๋ยผ่านออนไลน์ (ปุ๋ยออนไลน์.com) และสร้างแอพขายปุ๋ย (App Puii) นับเป็นรายแรกในแวดวงปุ๋ยที่บริษัทฯ ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นขายปุ๋ยขึ้น เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการให้ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยของบริษัทฯ แก่เกษตรกร ในการให้ความรู้การใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องและเป็นอีกหนึ่งโอกาสสร้างธุรกิจเสริมสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอีกด้วย


เรื่อง : อรวรรณ เหม่นแหลม




กำลังโหลดความคิดเห็น