วันนี้ (9 ต.ค.) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เปิดเผยว่า สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต้องจำใจยอมรับเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยที่ผ่านมา คือ การลดลงของพื้นที่ป่าที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อกิจกรรมอื่นบ้าง การบุกรุกบ้าง ซึ่งตนได้ให้ความสำคัญและพยายามบริหารจัดการให้มีการใช้ประโยชน์และอนุรักษ์ผืนป่าให้ได้อย่างสมดุลยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คนสามารถอยู่กับป่าได้อย่างเกื้อกูลกัน ล่าสุดได้รับรายงานข่าวดีว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ในการสำรวจและแปลภาพถ่ายทางอากาศเพื่อติดตามสถานการณ์ผืนป่าชายเลนคงสภาพในพื้นที่ 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล ผลการสำรวจแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีพื้นที่ป่าชายเลนสมบูรณ์ของประเทศเพิ่มขึ้น กว่า 203,000 ไร่ เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีผืนป่าชายเลนคงสภาพเพียง 1.534 ล้านไร่ และเพิ่มขึ้นเป็น 1.737 ล้านไร่ ในปี 2563 จึงนับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของคนไทยทุกคน
“ผืนป่าชายเลนที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้สะท้อนถึงความพยายามของภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสะท้อนถึงพลังของพี่น้องประชาชนและภาคเอกชนที่ช่วยกันปลูกและดูแลรักษาความสำเร็จที่เกิดมานี้ ย่อมมีความสมบูรณ์และยั่งยืน ผืนป่าชายเลนต้องใช้ทั้งเวลาและความร่วมมือร่วมใจในนามของตัวแทนรัฐบาล ผมจึงขอชื่นชมประชาชนคนไทยทุกคนที่ช่วยกันดูแลรักษาผืนป่าชายเลนมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง”
นายวราวุธเผยอีกว่า ได้มอบหมายให้นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. เป็นผู้ตรวจติดตามความก้าวหน้าในเรื่องนี้ต่อไป สุดท้ายอยากขอให้พี่น้องคนไทยทุกคนช่วยกันดูแลผืนป่าไม้บกทั่วประเทศให้คงอยู่และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเหมือนป่าชายเลน แต่อย่างไรก็ตาม ตนจะกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดดำเนินงานกำหนดมาตรการเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ตามนโยบายของรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว
ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส.กล่าวว่า ผืนป่าประเทศไทยรวมทั้งสิ้นกว่า 102.484 ล้านไร่ มีหน่วยงานรับผิดชอบ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมป่าไม้ , กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในส่วนของพื้นที่ป่าชายเลนที่เพิ่มขึ้น ตนเชื่อว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ผืนป่าชายเลนเพิ่มขึ้นและสมบูรณ์ขึ้น คือ ความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน จิตอาสา รวมถึงภาครัฐและเอกชนที่ช่วยกันรักษาดูแลผืนป่า อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับสั่งการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้เพิ่มมาตรการคุ้มครอง ป้องกัน รวมถึง การลาดตระเวนให้เข้มข้นมากขึ้น และให้สำรวจทรัพยากรในระบบนิเวศป่าชายเลน หากจำเป็นต้องคุ้มครองเพื่อคงความหลากหลายทางชีวภาพ เหมือนเช่นไม้เทียนทะเล ก็ให้เร่งดำเนินการทันที นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะได้กำหนดแนวทางและมาตรการต่างๆ เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ได้กว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า หากพี่น้องประชาชนและภาคเอกชนยังร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยสามารถเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดอย่างแน่นอน
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มขึ้นของผืนป่าชายเลน นอกจากความร่วมมือของทุกฝ่ายแล้ว ยังเป็นผลจากการดำเนินโครงการปักไม้ไผ่ชะลอความรุนแรงของคลื่นในปี พ.ศ. 2550-2563 ของกรมฯ ซึ่งดำเนินการในพื้นที่ 13 จังหวัด ระยะทางแนวไม้ไผ่รวม 83.51 กิโลเมตร ระยะทางชายฝั่งที่ได้รับการป้องกันแก้ไข รวมทั้งสิ้นประมาณ 64 กิโลเมตร ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หลังแนวไม้ไผ่ชะลอความรุนแรงของคลื่น โดยพบการเพิ่มขึ้นของป่าชายเลนจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สะสมตะกอนอีกว่า 1,541 ไร่ ซึ่งหากตะกอนสะสมเพิ่มขึ้นจนเต็มพื้นที่ จะมีพื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นอีกนับพันไร่ ในช่วงปี 2563 ยังคงมีการจับกุมคดีเกี่ยวกับการบุกรุกทำลายป่าชายเลนได้กว่า 66 คดี อย่างไรก็ตาม กรมฯ ยังอยู่ระหว่างการสำรวจและเตรียมการประกาศพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ซึ่งจะสามารถรักษาผืนป่าชายเลนคงสภาพได้ทั้งหมด