วันนี้ (26 ก.ค.) นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ตามแนวนโยบายรัฐบาลที่พยายามผลักดันการเพิ่มและรักษาพื้นที่ป่าของประเทศไทย ภายใต้ “โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า” โดยได้กำหนดแผนการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ ซึ่งในระยะแรก กำหนดเพิ่มพื้นที่ป่าไม่ต่ำกว่า 1,010 ไร่ ภายในวันที่ 28 ก.ค. 63 นั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้สั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กำหนดพื้นที่ปลูกป่าชายเลนและดำเนินงานเพื่อสอดรับแนวนโยบายดังกล่าวทั้งในพื้นที่เป้าหมายเร่งด่วนและพื้นที่อื่นๆ อีกทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เน้นย้ำถึงการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้ประชาชนจิตอาสาได้ร่วมในทุกกิจกรรม
นายโสภณกล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินงานในวันนี้ (26 ก.ค.) เป็นการดำเนินงาน ภายใต้ “โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า” และยังเป็นวันสากลเพื่อการอนุรักษ์ระบบนิเวศป่าชายเลน หรือวันป่าชายเลนโลก ที่กลุ่มประเทศสมาชิก UNESCO ได้ให้ความเห็นชอบร่วมกันตั้งแต่ปี 2558 โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต และจิตอาสาในพื้นที่กว่า 2,500 คน ร่วมกันปลูกและฟื้นฟูป่าชายเลนบริเวณสวนสาธารณะสะพานหิน ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต กว่า 20 ไร่ และจะร่วมกันดูแลผืนป่าชายเลนนี้ให้เจริญงอกงามและเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ของชาวภูเก็ต ต่อไป อย่างไรก็ตาม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เตรียมแผนการดำเนินการช่วงปี 2563-2565 โดยจะปลูกป่าชายเลนจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 ไร่ และในระยะ 2565-2570 จะดำเนินการปลูกและฟื้นฟูป่าชายเลน รวมแล้วไม่น้อยกว่า 133,290 ไร่ ในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล
“พลังของจิตอาสายิ่งใหญ่และสามารถช่วยให้ผืนป่าชายเลนทั่วประเทศฟื้นคืนความสมบูรณ์และสมดุลได้อย่างไม่ยาก ขอเพียงพวกเราทุกคนช่วยกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ช่วยกันปลูก ช่วยกันดูแล ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพียงแค่นี้ เราก็จะมีผืนป่าชายเลนที่สมบูรณ์ สร้างสิ่งแวดล้อมที่แข็งแรง มีฐานทรัพยากรเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และที่สำคัญ เราจะได้ผืนป่าที่มีคุณภาพให้ลูกหลานเราได้ดูแลและใช้ประโยชน์ต่อไป” อธิบดี ทช.กล่าว
ด้านนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ให้นโยบายกับจังหวัดภูเก็ตถือเป็นเรื่องเร่งด่วนว่าจังหวัดของเราเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่ได้รับความนิยมระดับโลก รองรับนักท่องเที่ยวหลายล้านคนต่อปี สร้างรายได้เข้าประเทศปีละนับแสนล้านบาท แต่ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กิจกรรมท่องเที่ยวภายในจังหวัดชะลอตัว ในทางกลับกัน ท้องทะเลภูเก็ตเหมือนได้หยุดพักและฟื้นตัวโดยธรรมชาติในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือน แต่สำหรับพื้นที่ป่าชายเลนหากจะรอให้ฟื้นตัวโดยธรรมชาติอาจจะใช้เวลานาน
นายณรงค์เผยต่อว่า ดังนั้น จังหวัดภูเก็ตจึงได้จับมือร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และจิตอาสาในพื้นที่ร่วมกันปลูกป่า เพื่อพลิกฟื้นความสมบูรณ์ของป่าชายเลนในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ จังหวัดภูเก็ตได้มีแผนการขยายและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนและป่าบกอีกหลายแหล่ง ซึ่งตนได้ประสานสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต เตรียมความพร้อมและประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานแล้ว
“แม้ว่าภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอาจจะอยู่ในช่วงชะลอตัว ผมอยากให้ทุกคนใช้ช่วงเวลานี้ในการดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงผืนป่าชายเลน ให้มีความสมบูรณ์ สวยงาม เพราะทะเลเปรียบเสมือนชีวิตและจิตวิญญาณของชาวภูเก็ต จึงขอให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการรักษาเพื่อให้เมืองภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่อไป” พ่อเมืองภูเก็ตกล่าว