วันนี้ (1 ก.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม อาจมีพี่น้องประชาชนบางกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา ขาดรายได้ และว่างงาน จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำ “โครงการจ้างงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19” เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ยังได้รับผลกระทบกว่า 16,488 ราย
นายวราวุธ เผยอีกว่า โดยมี สนง.ปลัด ทส. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยจะจ้างงานเพื่อการสำรวจทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ การปลูกเพิ่มพื้นที่ป่า การจัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data เป็นต้น ซึ่งมีอัตราการจ้างเหมารายละ 9,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาการจ้าง 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.- 30 ก.ย. 63 และภายหลังเสร็จสิ้น 3 เดือน หากผลการดำเนินงานประสบผลสำเร็จอย่างดี รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเงินกู้ช่วยสนับสนุนสานต่อโครงการจนครบ 1 ปี และขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า การดำเนินงานของรัฐบาลจะเน้นความโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้
“ประเทศไทย หัวใจสำคัญ คือ การเดินไปข้างหน้าด้วยความพร้อมเพรียงกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อยากให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลที่พยายามให้การช่วยเหลือเยียวยาอย่างทั่วถึง การดำเนินงานครั้งนี้ นอกจากช่วยพี่น้องประชาชนให้มีรายได้ เรายังได้ผืนป่าที่สมบูรณ์กลับคืนมาอีกด้วย ถือเป็นประโยชน์ชั้นที่ 1 และผืนป่าที่สมบูรณ์ก็ยังสร้างคุณประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนและลูกหลานของเรา ซึ่งถือเป็นประโยชน์ชั้นที่ 2 ผืนป่าที่สมบูรณ์ที่เกิดจากการลงแรงของพี่น้องประชาชนในการสำรวจ ปลูก และดูแล จะต้องคงอยู่อย่างยั่งยืนและยาวนานจนถึงรุ่นลูกหลานเราต่อไป” นายวราวุธ กล่าว
ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เตรียมการช่วยเหลือประชาชน นักศึกษา และบัณฑิตที่ตกงาน ภายใต้ “โครงการจ้างงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)” โดยมีการจ้างงานกว่า 675 อัตรา งบประมาณรวม 18,225,000 บาท สำหรับการจ้างงาน ตนได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 1, 2 และ 3 รับผิดชอบดำเนินโครงการ โดยสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (สทช. 1) จัดจ้างจำนวน 195 อัตรา ปฏิบัติงานท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 (สทช. 2) จัดจ้างจำนวน 250 อัตรา ปฏิบัติงานท้องที่จังหวัดสมุทรปราการ และสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 (สทช. 3) จัดจ้างจำนวน 230 อัตรา ปฏิบัติงานท้องที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินการสำรวจพื้นที่การใช้ประโยชน์ในเขตป่าชายเลน
นายโสภณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เน้นย้ำให้เร่งรัดการจ้างงาน ดำเนินการให้เป็นไปตามแนวนโยบายและเงื่อนไขที่รัฐกำหนด และติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลการดำเนินงานในระยะต่อๆ ไป โดยในวันนี้ (1 ก.ค. 63) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เปิดตัวโครงการดังกล่าว ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา อ.เมือง และ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร อย่างไรก็ตาม หากประชาชนท่านใดสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (สทช. 1) หมายเลขโทรศัทพ์ 038-020070 สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 (สทช. 2) หมายเลขโทรศัพท์ 038-467372 และ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 (สทช. 3) หมายเลขโทรศัพท์ 032-470459
ส่วนทาง นายทัตพงษ์ ศรีตระกูล ผู้ร่วมโครงการจากตำบลสองคลอง กล่าวว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตนและชาวบ้านในพื้นที่ ต.สองคลอง และ ต.ท่าข้าม ที่อยู่รอบพื้นที่ป่าชายเลนต่างประสบปัญหาเรื่องขาดแคลนรายได้และว่างงาน เมื่อตนได้ทราบข่าวจากการประชาสัมพันธ์ของผู้ใหญ่บ้าน จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการจ้างงานครั้งนี้ ซึ่งตนรู้สึกดีใจและขอบคุณรัฐบาลที่พยายามให้การช่วยเหลือชาวบ้านอย่างทั่วถึง ตนก็ได้ทำงานในพื้นที่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ต้องออกไปทำงานต่างที่ต่างถิ่น ได้ฟื้นฟูป่าชายเลนที่ชาวบ้านในหมู่บ้านได้ใช้ประโยชน์ในวิถีชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ตนอยากให้รัฐบาลได้ทำโครงการแบบนี้ต่อไปอีก ตนและชาวบ้านพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล รัฐบาลดูแลชาวบ้าน ชาวบ้านจะดูแลป่าชายเลนและทรัพยากรในพื้นที่อย่างดี