วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรฯ เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามการปฏิบัติงานภายใต้โครงการจ้างงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
โดย นายวราวุธ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานภายใต้โครงการจ้างงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 พร้อมวางมาตรการป้องกันการกันหักหัวคิว ซึ่งโครงการได้ทำข้อมูลทุกตำบลทั่วประเทศ ทั้งแปลงเกษตรในพื้นที่ประสบภัยนอกเขตชลประทาน พื้นที่สีเขียวที่ต้องการอนุรักษ์ฟื้นฟูชนิดพันธุ์ไม้ที่ชุมชน หรือประชาชนต้องการการครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ 23 จังหวัด เป็นต้น เพื่อนำไปสู่การทำแผนชุมชนและการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับตำบล
นายวราวุธ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานภายใต้โครงการจ้างงานให้กับประชาชนฯ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับหน่วยงานจ้างงาน คือ สำนักปลัด ทส. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ว่า 4 หน่วยงานของ ทส.ได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นลูกจ้าง เพื่อเป็นผู้ช่วยงานเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วทุกหน่วยงาน รวมทั้งสิ้น 16,488 อัตรา และเพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย จึงได้กำหนดให้มีการสำรองบุคคลไว้ 15 เปอร์เซ็นต์ เพื่อทดแทนกรณีลูกจ้างลาออกระหว่างปฏิบัติงาน และเพื่อความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ มีการจัดทำสัญญาจ้างระหว่างหน่วยงาน และผู้ที่ได้รับการจ้างงาน และหน่วยงานมีการประสาน ติดต่อธนาคารเพื่อบริการผู้รับจ้างในการเปิดบัญชีรับเงิน โดยเงินค่าจ้างจะเข้าบัญชีผู้ที่ได้รับการจ้างโดยตรง ทั้งนี้ ได้กำชับทุกหน่วยงานดำเนินการในการตรวจสอบการจ้างและการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเข้าบัญชี รวมแล้วไม่เกิน 5 วันทำการ
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับผลสัมฤทธิ์ หรือผลลัพธ์ที่จะได้หลังสิ้นสุดโครงการจ้างงาน ทุกตำบลทั่วประเทศจะมีข้อมูลจากการสำรวจ 7 ชุด ประกอบด้วย 1. แปลงเกษตรในพื้นที่ประสบภัยนอกเขตชลประทาน (ภัยแล้ง/น้ำท่วม) 2. โครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำที่ชำรุดเสียหาย (อ่างเก็บน้ำ ฝาย คลองชลประทาน ประปาหมู่บ้าน ฯลฯ) 3. บ่อบาดาลสาธารณะที่ต้องการปรับปรุงซ่อมแซม 4. การจัดการขยะในหน่วยงานชุมชน 5. พื้นที่สีเขียวที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ต้องการอนุรักษ์ฟื้นฟู (ไม่เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ) 6. ชนิดพันธุ์ไม้ที่ชุมชนหรือประชาชนต้องการ และ 7. ข้อมูลเครือข่ายองค์กรและเครือข่ายภาคประชาชน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสม. รสทป. รสทช. ฯลฯ) โดยข้อมูลที่ได้ทั้งหมดจะนำไปสู่การทำแผนชุมชนและการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับตำบล ได้ข้อมูลการครอบครองที่ดิน
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ใน 23 จังหวัด รวม 2,660 หมู่บ้าน เนื้อที่ 1.8 ล้านไร่ จะนำไปสู่การจัดที่ดินแก่ประชาชนตามนโยบาย คทช. และ เกิดความร่วมมือจาก 622 เครือข่ายไฟป่า ในพื้นที่ 31 จังหวัด มีการปลูกฟื้นฟูป่าหลังถูกไฟไหม้ เนื้อที่ 18,660 ไร่ เพื่อให้ป่าคงความอุดมสมบูรณ์โดยผลลัพธ์ที่ได้จะนำไปสู่การดูแลรักษาและใช้ประโยชน์จากผืนป่า “สร้างป่า สร้างงาน สร้างรายได้” ส่วนแหล่งน้ำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 60 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 56 แห่ง และหน่วยควบคุมพื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 2 แห่ง รวม 118 แห่ง มีแหล่งน้ำแหล่งอาหารของสัตว์ป่า จำนวน 2,107 แห่ง ช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้ง และสัตว์ป่ามีน้ำและอาหารในพื้นที่ป่าชายเลนในเขตจ.กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และ ฉะเชิงเทรา มีการใช้ประโยชน์เนื้อที่เท่าไร หรือพิกัดใดที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการเกษตรอื่นๆ การสร้างอาคารร้านค้าหรือร้านอาหาร รวมถึงบ้านประชาชน
จากนั้น นายวราวุธ ได้เดินทางไปประชุมแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าของ จ.นครศรีธรรมราช