“สมบัติ ทองย้อย” อดีตหัวหน้าการ์ด นปช. ถอนตัวจากการ์ด “ม็อบปลดแอก” ระบุขอทำงานคนเดียวไม่เอี่ยวใคร ชี้ม็อบประชาธิปไตยจะต้องไม่มีการสัมปทาน โต้กลับ “แหวน วัดปทุม” พยาบาลอาสา อ้างมี “สายทหาร” แฝงตัวเป็นการ์ด คาบข่าวไปบอกฝ่ายความมั่นคง ระบุทุกวันนี้ก็มีข้อมูลหมดแล้วจะกลัวทำไม ไร้สาระ แทนที่จะช่วยกัน กลับเตะตัดขากันเอง
วันนี้ (1 ต.ค.) นายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “สมบัติ ทองย้อย” ระบุว่า “ขอถอนตัวจากการเป็นหัวหน้าการ์ด (จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นนะ) ขอเป็นคนทำงานแบบเดิมๆ คือทำคนเดียว ไปคนเดียว ลุยคนเดียว ไม่เอี่ยวใคร ตามนี้นะ”
ต่อมานายสมบัติโพสต์ข้อความอีกว่า “ขออธิบายเกี่ยวกับเรื่องการ์ดที่กำลังเป็นที่กล่าวขานกันในตอนนี้ เรื่องการ์ดคนนั้น อดีตเขาจะเป็นอย่างไร เรามิอาจรู้ได้จริง เพราะเราก็ฟังเขาเล่าว่า เขาเล่ามา แต่ถ้าในเมื่อปัจจุบันเขาก็มาทำงานเป็นการ์ดในนามมวลชนอาสา เหตุใดเราจะต้องไปกลัวว่าเขาจะชี้เป้า จะคาบข่าวไปบอกเหมือนที่คิดกัน ก็ในเมื่อทุกวันนี้ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยก็มีข้อมูลของผู้ชุมนุม แกนนำ การ์ด แม่ครัว คนส่งน้ำ คนส่งข้าว คนส่งรถห้องน้ำ พยาบาล มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง และอีกมากมายที่มาชุมนุมแทบทุกคนหมดแล้ว เหตุใดเราจะต้องกลัวคนเพียงคนเดียว (ไร้สาระว่ะ) แต่ถ้าเขาทำไม่ดีในตอนปัจจุบันนี้ ค่อยเอามาแหก มาด่า มาว่ากันจะดีไหม อย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่จะดีกว่า คนมาช่วยงานกันเยอะๆ น่าจะดีใจ ดันเ...อกมาเตะตัดขากันเอง นี่แ...งคนเสื้อแดงขนานแท้เลยนะเนี่ย”
และยังโพสต์ข้อความอีกว่า “ม็อบประชาธิปไตยจะต้องไม่มีการสัมปทาน หรือจะมาบอกว่า ไอ้นี่อย่าทำ ไอ้นั่นอย่าทำ ไม่ว่าจะเป็นโรงครัว การ์ด พยาบาล ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงานทั้งนั้น โดยเฉพาะจิตอาสา บางทีเขาก็ทำทุกอย่างด้วยการหาเงิน ระดมทุน เพื่อมาทำงานตามที่ตัวเองถนัด คนเหล่านี้สิยิ่งต้องสมควรที่จะต้องได้ทำงาน เพราะเขาอาจไปขอรับบริจาค เพื่อมาทำงานตามความถนัดของเขา และเพื่อให้เจ้าของเงินได้เห็นว่าเงินที่เขาเสียมา ได้ถูกนำมาใช้ตามวัตถุประสงค์จริงๆ และในม็อบจะต้องไม่มีใครเหนือใคร ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร เพราะทุกคนเท่ากัน”
เมื่อมีคนถามว่า “ม็อบไม่มึคนสั่งงาน ไม่มีหัวหน้าเท่ากันหมด มันจะไม่ยุ่งเหรอ” นายสมบัติกล่าวว่า “มีได้ครับ แต่ต้องเป็น คำว่า เป็น คือจะเป็นนายคนต้องมีทั้งพระเดช พระคุณ ไม่ใช่บ้าอำนาจครับผม”
ข้อมูลจากเว็บไซต์ไทยโพสต์ระบุว่า สำหรับนายสมบัติ ทองย้อย เป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ อาชีพเดิมคือพนักงานขายเครื่องกรองน้ำ แต่เข้ามาเป็นการ์ด นปช.ตั้งแต่ช่วงการชุมนุมเมื่อปี 2553 เป็นลูกน้องคนสนิทของ “เสธ.แดง-พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่เสียชีวิตจากการถูกยิงก่อนวันเผาบ้านเผาเมือง เคยถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเรียกไปให้ข้อมูล หลังเจ้าตัวไปร่วมชุมนุมและให้กำลังใจกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปสวดมนต์ในวัดพระธรรมกาย ในช่วงที่นายไชยบูลย์ สุทธิผล หรืออดีตพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลบหนีคดีร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร กระทั่งปรากฎตัวทำกิจกรรมร่วมกับ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ที่มีนายรังสิมันต์ โรม เป็นแกนนำขณะนั้น (ยังไม่ได้เป็น ส.ส.) และยังพบว่านายสมบัติเข้ามาเป็นการ์ดให้กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกับนายพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 5 พรรคอนาคตใหม่ ที่เจ้าตัวเป็นกรรมการบริษัทรักษาความปลอดภัยอีกด้วย
อีกด้านหนึ่ง น.ส.ณัฎฐธิดา มีวังปลา หรือ “แหวน วัดปทุม” พยาบาลอาสาสมัครช่วงสลายชุมนุม 19 พ.ค. 2553 โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เมื่อวันที่ 19, 20 และ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา มีชายรายหนึ่งจากเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นอดีตหัวหน้าการ์ด นปช. ปรากฏตัวในที่ชุมนุม ทั้งท้องสนามหลวง และหน้ารัฐสภา แยกเกียกกาย โดยกล่าวหาว่าชายรายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลุงสนามหลวง พร้อมทีมงาน, ดีเจ ซุนโฮ, นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ พร้อมทีมงาน รวมถึงนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่หายตัวไปในประเทศกัมพูชาหรือไม่ โดยขอให้ผู้ชุมนุมสังเกตพฤติกรรม เป็นหูเป็นตาช่วยกัน และให้ความร่วมมือกับทีมการ์ดหลักของงานคือ มวลชนอาสา (We Volunteer) และทีมหน่วยแพทย์ มีแค่ทีมหน่วยปฐมพยาบาลอาสา 53 เท่านั้น
น.ส.ณัฎฐธิดากล่าวว่า พวกเราถูกจู่โจมจากฝ่ายตรงข้ามมา 2 งานแล้ว ถูกเจาะเข้ามาทำลายเด็กๆ จากสายของทหาร มาในนามการ์ดอาสาประชาชน ชายคนนี้มีหลากคดีจากปี 53 ถึงปี 58 แต่รอดพ้นการจับกุมจาก คสช. และเข้ามาผงาดในม็อบนักศึกษา เพื่อหวังทำลายขบวนการเดินทางของนักศึกษา บางครั้งแกล้งทำเป็นนักข่าว แต่เข้ามาตีเนียนเป็นการ์ดเหมือนที่ผ่านมา เพราะการเป็นการ์ดสามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ที่ผ่านมามีหมายจับของศาลอาญา ในคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญา โดยนำระเบิดไปให้นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ แต่ชายคนดังกล่าวไม่เคยถูกจับกุมคุมขังใดๆ กลับลอยนวลและออกมาผงาดในนามการ์ดอาสาปกป้องประชาชนปลดแอก
นอกจากนี้ น.ส.ณัฎฐธิดายังเปิดเผยข้อความขอรับบริจาคเงินจากชายคนดังกล่าว ระบุว่า ขอรับบริจาคเพื่อทำป้ายแขวนคอสัญลักษณ์การ์ดหรือปลอกแขน 300 ชิ้น วิทยุสื่อสารเพิ่มอีก 20 ตัว เพราะจะได้ประสานงานสื่อสารการทำงานกันได้สะดวก หากมีเหตุเกิดขึ้นจะได้เข้าช่วยเหลือควบคุมได้เร็ว เพราะที่ผ่านมาสัญญาณโทรศัพท์มือถือถูกตัดขาดหายทุกครั้งที่มีการชุมนุม ที่ผ่านมาพวกตนต่างดูแลกันเองตั้งแต่ต้นจนหมดแล้ว ทั้งค่าอาหาร เครื่องดื่มชูกำลัง ค่าเดินทาง ค่าน้ำมันรถ ก็มีหลายคนได้ช่วยเหลือมาบ้างแล้ว ตามกำลังมากน้อย เข้าใจถึงสภาวะช่วงนี้ต่างก็แย่กันเพราะเศรษฐกิจไม่ดี แถมโควิด-19 ก็มาซ้ำเติมจนลำบากกันถ้วนหน้า งานนี้ต่างจากงานเสื้อแดงมากๆ เพราะงานเสื้อแดงมีงบให้ ทำป้ายการ์ดให้พร้อม เครื่องมือสื่อสารครบ มีอาหารเลี้ยง มีค่าเดินทางให้ แต่งานนี้ไม่มี ทำด้วยใจกันจริงๆ ไม่มีนายทุนท่อน้ำเลี้ยง จึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือสนับสนุนเงินกัน ตามกำลังที่มี ที่ไม่สามารถโพสหน้าเฟซบุ๊กได้ เพราะตนถูกคุกคามเพื่อขัดขวาง ที่สำคัญตนก็มีหมายเรียก คสช. เรียกให้ไปรายงานตัว เพราะเป็นหัวหน้าการ์ด เมื่อปี 2557
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
